แอลกอฮอล์ ความเข้มข้นเท่าไหร่ ถึงจะสามารถฆ่าเชื้อโรคได้

แอลกอฮอล์ ความเข้มข้นเท่าไหร่ ถึงจะสามารถฆ่าเชื้อโรคได้

ในยุคที่ไวรัสโคโรน่า หรือโควิด-19 (COVID-19) กำลังระบาด ทุกคนต่างมองหาอุปกรณ์ที่จะช่วยป้องกันตัวเองจากเชื้อโรค หนึ่งในนั้นคือแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อโรค แต่แอลกอฮอล์ก็มีหลายแบบ มีความเข้มข้นที่ต่างกัน แอลกอฮอล์ ความเข้มข้นเท่าไหร่ ถึงจะสามารถฆ่าเชื้อโรคได้ บทความนี้จะช่วยให้คุณมั่นใจว่าเลือกใช้แอลกอฮอล์ได้ถูกต้อง และฆ่าเชื้อโควิด-19 ให้ตายเรียบได้จริงๆ

แอลกอฮอล์ ความเข้มข้นเท่าไหร่ ถึงจะสามารถฆ่าเชื้อโรคได้

ในวิกฤติ โควิด-19 ที่กำลังระบาดในขณะนี้ เจลแอลกอฮอล์ ถือเป็นอุปกรณ์สำคัญอีกชิ้นที่ทุกคนต้องมีติดตัวเสมอเวลาไปไหนมาไหน
เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ หรือ Hand sanitizer เป็นนวัตกรรมทางสาธารณสุขที่มีการคิดค้นขึ้นมาตั้งแต่ ปี ค.ศ.1966 โดย พยาบาลชาวอเมริกัน เชื้อสายเม็กซิกัน Lupe Hernandez เป็นผลิตภัณฑ์ภายนอกร่างกายเพื่อใช้ทำความสะอาดการล้างมือ เวลาที่ไม่สะดวก มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ราว 75% มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคแบคทีเรีย และไวรัส จากการที่ตัวแอลกอฮอล์จะไปทำลายในส่วนพื้นผิวโปรตีนที่หุ้มเชื้อโรคอยู่ ทำให้เชื้อโรคตายในที่สุด
ส่วนผสมของ เจลแอลกอฮอล์
สำหรับล้างมือจะมี เอทานอล หรือ เอทิลแอลกอฮอล์ เป็นส่วนผสมสำคัญ โดยจะต้องใช้ เอทิลแอลกอฮอล์ 95 % ก็เพราะจะต้องนำส่วนผสมอย่างอื่นมาผสานให้กลายเป็นเจลล้างมือ และทำให้เกิดความเจือจาง ทำให้เราได้ เจลล้างมือแอลกอฮอล์ ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อยู่ 75% นั่นเองนอกจากส่วนผสมมาตรฐานหลักโดยทั่วไปตามคำแนะนำของกรมอนามัยแล้ว เจลแอลกอฮอล์ ยังสามรถมีส่วนผสมอื่นๆ ใส่ลงไปในเจลได้อีกด้วยอย่าง ว่านหางจระเข้ รวมถึงวิตามิน E, วิตามิน C , วิตามินเอ และ สารเบต้า แคโรทีน ที่ช่วยใช้ผิวนุ่มชุ่มชื้น อีกทั้งลดการอักเสบของผิวหนัง เนื่องจาก แอลกอฮอล์มีผลทำให้ผิวหนังของแห้ง และอาจระคายเคืองได้
สำหรับตัว เอทิลแอลกอฮอล์ หรือ เอทานอล ส่วนผสมหลักของ เจลแอลกอฮอล์ นั้น มีชื่อเรียกทางเคมีว่า C2H5OH เป็นแอลกอฮอล์ชนิดหนึ่งที่เกิดจากการนำเอาพืชมาหมักเพื่อเปลี่ยนแป้งเป็นน้ำตาล จากนั้นจึงเปลี่ยนจากน้ำตาลเป็นแอลกอฮอล์ โดยใช้เอนไซม์หรือกรดบางชนิดช่วยย่อยเพื่อทำให้เป็นแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 95% ทั่วไปนั้น มักผลิตจากพืช 2 ประเภท คือ พืชประเภทน้ำตาล เช่น อ้อย บีทรูท และพืชจำพวกแป้ง เช่น มันสำปะหลัง ข้าว ข้าวโพด เป็นต้น
เนื่องจากการระเหยในอากาศที่ไวเกินไปหากมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์สูง สัดส่วนที่แนะนำในการใช้ทำความสะอาดมือของคนเรานั้นจึงมักเป็น เจลแอลกอฮอล์ 70-75 % โดยสามารถดูที่ฉลากข้างบรรจุภัณฑ์ของเจลแอลกอฮอล์ได้ ขณะเดียวกัน ในวันที่ เจลแอลกอฮอล์ เป็นสินค้าที่มีความต้องการค่อนข้างสูงในช่วงนี้ จึงทำให้เริ่มมีการผลิตเชิงปริมาณทำให้ไม่ได้คุณภาพอย่างที่มีการประกาศจาก อย. เมื่อไม่นานมานี้ รวมทั้ง มิจฉาชีพก็เริ่มเอา เมทิลแอลกอฮอล์ มาหลอกขาย ปลอมว่าเป็น เอทิลแอลกอฮอล์ บรรจุขวด ติดฉลากให้คนหลงเชื่อ ซื้อไปทำเจลแอลกอฮอล์ใช้กันซึ่งล้วนอันตรายมากสำหรับ วิธีตรวจสอบเจลแอลกอฮอล์ เบื้องต้น สามารถทำได้หลากหลายวิธี คือ สังเกตบรรจุภัณฑ์ การบรรจุหีบห่อ เป็นการซีลพลาสติกอย่างดีหรือไม่ ฉลากยี่ห้อมีความคมชัด ดูวันที่ผลิตสินค้า วันหมดอายุของสินค้า เลขทะเบียนสินค้า สถานที่ผลิต
ประเภทของแอลกอฮอล์
  • เอทิลแอลกอฮอล์
  • ไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์

ทั้งสองชนิดเป็นของเหลวใส ไม่มีสี ระเหยได้ง่ายที่อุณหภูมิห้อง คุณสมบัติทำลายเชื้อแบคทีเรีย เชื้อวัณโรค เชื้อรา และเชื้อไวรัส แต่ไม่สามารถทำลายสปอร์ของเชื้อแบคทีเรียได้ และประสิทธิภาพในการทำลายเชื้อจะลดลงอย่างชัดเจนเมื่อความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ต่ำกว่า 50% แอลกอฮอล์จะฆ่าเชื้อต่างๆ โดยการแพร่ผ่านเยื้อหุ้มเซลล์ของเชื้อโรค ทำให้โปรตีนเสียสภาพ และทำให้เยื่อหุ้มเซลล์ของเชื้อโรคแตก

ความเข้มข้น

สำหรับเชื้อไวรัส ความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ที่เหมาะสมคือความเข้มข้นระหว่าง 60%-80% โดยปริมาตร เอทิลแอลกอฮอล์จะสามารถทำลายเชื้อไวรัสแบบที่มีชั้นไขมันหุ้ม เช่น ไวรัสไข้หวัดใหญ่ ไวรัสเริม รวมถึงไวรัสโควิด-19 และยังสามารถทำลายเชื้อไวรัสแบบที่ไม่มีชั้นไขมันหุ้มได้ด้วย เช่น เชื้อไวรัสตับอักเสบบี แต่จะไม่ทำลายเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ และโปลิโอไวรัส ส่วนไอโซโพรพิลแอลกอฮอร์จะทำลายได้เฉพาะเชื้อไวรัสที่มีชั้นไขมันหุ้มเท่านั้น

แอลกอฮอล์เข้มข้นมาก ไม่ได้ดีเสมอไป
แอลกอฮอล์เข้มข้นเท่าไหร่ ประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อย่อมดีขึ้นเท่านั้น เช่น แอลกอฮอล์ 95% ย่อมดีกว่าแอลกอฮอล์ 70% ซึ่งเป็นความเข้าใจที่อาจไม่สามารถใช้ได้ในทุกกรณี เพราะในแอลกอฮอล์ 95% มีปริมาณแอลกอฮอล์ที่สูงมาก จึงระเหยได้ไวมากเช่นกัน ทำให้ประสิทธิภาพในการดูดซึมผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ของเชื้อโรคไม่เพียงพอ ทำได้แค่ทำให้โปรตีนจับตัวเป็นก้อน และทำให้แอลกอฮอล์ ไม่สามารถซึมผ่านเข้าไปทำลายเซลล์ได้ ดังนั้นเชื้อโรคจะไม่ตาย เมื่อสภาพแวดล้อมกลับมาอยู่ในจุดที่เหมาะสมแก่การเจริญเติบโต เซลล์เชื้อโรคก็จะกลับมาเติบโตอีกครั้ง นอกจากนี้ความเข้มข้นสูงของแอลกอฮอล์ ยังส่งผลให้ผิวแห้ง และเกิดการระคายเคืองได้
สำหรับแอลกอฮอล์เจลหรือสเปรย์ที่ใช้กันนั้น ความเข้มข้นของแอลกอออล์อยู่ที่ 70%-90% โดยปริมาตร
นอกจากแอลกอฮอล์แล้ว การกินอาหารปรุงสุกร้อน การใช้ช้อนกลาง การใส่หน้ากาก และการล้างมือ ก็สามารถช่วยกำจัดเชื้อโรคต่างๆ รวมถึงเชื้อไวรัสโคโรน่าได้เช่น กัน และหากรู้สึกว่าไม่สบายควรรีบไปพบแพทย์ รวมถึงกักตัวเอง 14 วันหากเพิ่งกลับจากประเทศที่มีอัตราเสี่ยงการติดเชื้อสูง
ทำไมแอลกอฮอล์ 70% ถึงฆ่าเชื้อได้ดีกว่า 91%?
แอลกอฮอล์ที่มีเปอร์เซ็นต์สูงกว่า จะมีความเข้มข้นมากกว่า ส่วนแอลกอฮอล์ที่มีเปอร์เซ็นต์น้อยกว่า หมายความว่ามีปริมาณน้ำที่เป็นส่วนประกอบสำคัญเยอะและโดยพื้นฐานแล้ว แอลกอฮอล์ 90% หรือ 91% เข้มข้นมากเกินไป บางกรณีสารละลายที่เข้มข้นเกินไป จะทำลายที่ภายนอกของเซลล์ หรือเยื่อหุ้มเซลล์ก่อน ถึงจะเข้าไปข้างในและเกิดการฆ่าเชื้อจริง แต่หากเป็นแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้น 70% นับเป็นสัดส่วนที่เหมาะสม เพราะน้ำและแอลกอฮอล์จะเข้าไปทำลายเซลล์ทั้งหมด โดยปริมาณน้ำที่มีอยู่จะสามารถผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ เพื่อเข้าไปฆ่าเชื้อได้ ประสิทธิภาพของการกำจัดเชื้อ ขึ้นอยู่กับการต่อต้านและโครงสร้างของไวรัสแต่ละชนิด อย่างเช่น ไวรัสไข้หวัด ไข้หวัดทั่วไป เอชไอวี และโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ สามารถฆ่าเชื้อได้ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ 60% หรือมากกว่านั้น ขณะที่ไวรัสชิดอื่นๆ เช่น Norovirus ไม่ได้มีการกำหนดไว้ แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องให้ความสำคัญ คือ การปฏิบัติตัวในเรื่องสุขอนามัยที่ถูกต้อง เช่น การล้างมือ ในแต่ละครั้งควรล้างมือนาน 20 วินาที ทำความสะอาดบ้านเป็นประจำ โดยเฉพาะบริเวณที่มือของเราไปสัมผัสบ่อยๆ และการรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง
ข้อควรระวังในการใช้เจลล้างมือ
ส่วนผสมหลักเป็นแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นสารที่สามารถติดไฟได้ การใช้เจลล้างมือจึงควรระมัดระวังเป็นพิเศษ
  • หลังใช้เจลล้างมือ ไม่ควรทำอาหาร สูบบุหรี่ ใช้เครื่องเป่ามือลมร้อน ใช้ไดร์เป่าผม หรือการกระทำอื่นๆ ที่อาจก่อให้เกิดประกายไฟ ต้องรอให้มือแห้งสนิทดีก่อน
  • เก็บเจลล้างมือให้ถูกที่ ไม่ควรวางไว้ในบริเวณที่แดดส่องถึงหรือบริเวณที่อุณหภูมิสูง เช่น ห้องครัว ภายในรถยนต์ที่จอดไว้กลางแจ้ง หรือวางใกล้ที่เขี่ยบุหรี่
  • ไม่ควรใช้เจลล้างมือในบริเวณที่มีแผลหรืออักเสบ รวมไปถึงบริเวณผิวที่บอบบาง เช่น ผิวรอบดวงตา เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคือง
  • หลีกเลี่ยงการใช้เจลล้างมือกับเด็กทารก
  • เก็บเจลล้างมือไว้ในภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด หรือใช้เสร็จแล้วควรปิดฝาให้เรียบร้อย ป้องกันแอลกอฮอล์ระเหย เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อไวรัสลดลงได้
  • เจลล้างมือจะไม่มีประสิทธิภาพมากพอ หากมือของคุณสกปรกหรือมีความชื้นสูงเกินไป เช่น มือเปื้อนอาหาร มือชื้นเหงื่อ มือเปื้อนดินหรือฝุ่น ฯลฯ ถ้าจะให้ดี ควรพกกระดาษชำระติดตัวเอาไว้ เช็ดทำความสะอาดก่อนแล้วค่อยใช้เจลล้างมือ จะช่วยฆ่าเชื้อไวรัสได้ดีกว่าค่ะ
ควรใช้เจลล้างมือตอนไหนบ้าง?
เจลล้างมือสามารถใช้ได้ตลอดเวลา และใช้ได้บ่อยเท่าที่คุณต้องการ โดยเฉพาะหลังจากที่คุณใช้มือสัมผัสสิ่งของสาธารณะหรือออกไปในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ เช่น ขึ้นลงรถโดยสารสาธารณะ, กดปุ่มลิฟต์, หยิบจับของใช้สาธารณะ, ก่อน-หลังรับประทานอาหาร เป็นต้น

ปัญหาข้องใจว่าด้วยเรื่องของแอลกอฮอล์กับการฆ่าเชื้อไวรัส Covid-19 ที่นำมาฝาก หากจะทำกิจกรรมถัดไป เพื่อความปลอดภัย เราต้องแน่ใจว่าเจลแอลกอฮอล์ที่ใช้แห้งสนิทแล้ว อาจจะใช้น้ำเปล่าล้าง ก่อนที่จะล้างหน้า แต่ก็อาจจะทำให้ประสิทธิภาพลดน้อยลง กรดผลัดเซลล์ผิว หน้าไบร์ท แต่ถึงจะใช้แอลกอฮอล์เพื่อฆ่าเชื้อโรคไปแล้ว ในช่วงนี้ถ้ามีความจำเป็นต้องออกไปนอกบ้านยังไงก็อย่าลืมใส่หน้ากากอนามัยและเว้นระยะห่างจากบุคคลอื่น หลังจากที่ใช้เจลแอลกอฮอล์แล้ว


เจลแอลกอฮอล์ กันดะ มีวางจำหน่ายแล้วทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลและเลือกซื้อสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/pg/kandabeauty.company/
website : Kandabeauty.com