ปกป้องผิวจากลมแดดทำร้ายผิว ทำให้เกิดกระและฝ้า
แสงแดดที่แรงกล้า ในช่วงหน้าร้อน นอกจากจะเป็นสาเหตุ ของ ปกป้องผิวจากลมแดดทำร้ายผิว ทำให้เกิดกระและฝ้า ตลอดจนทำให้ผิวหนังแสบไหม้ได้ นอกจากการป้องกันจากภายนอก โดยการใช้ครีมกันแดด ใส่หมวก หรือกางร่ม เมื่อต้องออกแดดแล้ว การป้องกันจากภายใน โดยการรับประทานอาหาร ที่มีคุณค่าเพื่อให้ผิวหนังทนทานต่อรังสียูวี (UV) นั้นก็มีความสำคัญไม่น้อย มารู้จักอาหารที่คนญี่ปุ่น แนะนำว่าช่วยให้ผิวหนัง ทนทานต่อรังสียูวี และอาหาร ที่ควรระวังไม่รับประทาน ในวันที่ต้องออกไปกลางแดดกัน
ทุกวันนี้ วิตามินกันแดด หรือผลิตภัณฑ์กันแดดชนิดกิน กลายเป็นไอเทมฮอตฮิตไปแล้ว เพราะผู้ผลิตต่างก็เคลมว่า ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ สามารถป้องกันแสงแดดได้ดีตลอดวัน โดยไม่ต้องทาครีมกันแดด ให้เหนียวเหนอะหนะ หรือคอยทาซ้ำๆ ทุก 2 – 3 ชั่วโมง และนอกเหนือจากคุณสมบัติ ในการป้องกันแสงแดดแล้ว วิตามินแบบกิน ยังช่วยบำรุงผิวพรรณให้ขาวใส เรียบเนียนด้วย แต่หลายคนคงสงสัยใช่ไหม ว่าวิตามินกันแดด สามารถป้องกันแสงแดดได้จริงไหม แล้วทำงานอย่างไร ถ้าอยากรู้ลองไปอ่านกันเลย!
วิตามินกันแดด ช่วยกันแดดได้อย่างไร?
อย่างที่เรารู้กันว่า แสงแดดประกอบด้วยรังสี UV-A, UV-B ซึ่งเป็นตัวการทำร้ายผิว ทำให้เซลล์ผิวอักเสบ ระคายเคือง และหมองคล้ำขึ้น ในวิตามินหรือผลิตภัณฑ์กันแดดแบบกิน มักมีส่วนผสมของวิตามินสังเคราะห์และสารสกัดจากธรรมชาติต่างๆ ที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดการเกิดสารต่างๆ ที่เป็นตัวทำลายเซลล์ผิว เช่น Hydrogen peroxide และ Nitric oxide ซึ่งมักเกิดขึ้นเมื่อผิวถูกกระตุ้นด้วยแสงแดด ดังนั้น เมื่อเรารับวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระเข้าสู่ร่างกาย สารเหล่านี้จะช่วยลดการระคายเคืองของผิว และป้องกันการสร้างเม็ดสีผิวหลังสัมผัสกับแสงแดด รวมถึงช่วยป้องกันการเกิดผิวแห้งกร้านและริ้วรอยก่อนวัย นอกจากนี้ วิตามิน ซี ยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว จึงช่วยให้ผิวดูอิ่มฟู เรียบเนียน และกระชับเต่งตึงขึ้นอีกด้วย
สารประกอบสำคัญในวิตามินกันแดด
วิตามินกันแดดเกือบทุกยี่ห้อ มักประกอบด้วยวิตามินที่มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ และสารสกัดจากธรรมชาติที่ดูดซึมได้ง่าย เช่น
- สารกลุ่ม Astaxanthine
- สารต้านอนุมูลอิสระที่สกัดได้จากสีชมพูและแดงในสัตว์ทะเล เช่น เปลือกกุ้ง ปู ปลาแซลมอน สารกลุ่มนี้จะช่วยป้องกันอาการผิวไหม้จากแสงแดดและริ้วรอยลึกบนผิว รวมถึงช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกายด้วย
- สารสกัดจากมะเขือเทศ Tomato extract
- ไลโคปีน Lycopene
- สารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยปกป้องผิวจากความเสื่อมโทรมอันเป็นผลมาจากแสงแดดและมลภาวะ นอกจากนี้ ยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ทำให้ผิวดูขาวอมชมพูมีสุขภาพดี
- ไลโคปีน Lycopene
- สารสกัดจากพืชกลุ่มซิตรัส Citrus extract
- ผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ส้ม อุดมด้วยวิตามิน ซี และวิตามิน อี มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันผลกระทบจากแสง UV เช่น ผิวหมองคล้ำและการทำลายคอลลาเจน จึงช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสเปล่งปลั่ง
- สารสกัดจากเมล็ดองุ่น Grape seed extract
- ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด และมลภาวะไม่ให้ผิวระคายเคือง ป้องกันการทำลายคอลลาเจน ทำให้ผิวแข็งแรงและยืดหยุ่น ยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิวซึ่งทำให้ผิวคล้ำขึ้น และยังมีงานวิจัยที่พบว่าสารสกัดจากเมล็ดองุ่นช่วยให้ฝ้าดูจางลงด้วย
- วิตามิน ซี
- สารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญมาก ซึ่งช่วยลดผลกระทบที่เกิดจากแสงแดด ป้องกันผิวเสื่อมโทรม หยาบกร้าน หมองคล้ำ ฝ้า กระ และระคายเคือง มีส่วนช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ กระชับ เต่งตึง นอกจากนี้ ยังช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้แข็งแรงขึ้นด้วย
- สารสกัดอื่นๆ จากธรรมชาติ
- สารสกัดจากชาเขียว เฟิร์น และเปลือกสน ซึ่งช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระและป้องกันไม่ให้ผิวถูกแสง UV ทำลายเช่นเดียวกับสารอื่นๆ
กินวิตามินกันแดดอย่างเดียว ไม่ต้องทากันแดดได้ไหม?
วิตามินกันแดด มีส่วนช่วยในการป้องกัน ผลกระทบที่เกิดจากแสงแดด เช่น ผิวโทรม ผิวหยาบกร้าน และริ้วรอยเป็นหลัก แต่ไม่ได้เป็นเหมือนโล่กัน UV-A และ UV-B แบบเดียวกับครีมกันแดด รวมถึงการดูดซึมและออกฤทธิ์ในแต่ละคน ก็แตกต่างกันด้วย ดังนั้น เราจึงไม่ควรกินวิตามินอย่างเดียว แล้วออกไปเดินกลางแดดจ้าโดยไม่ทากันแดด เพราะไม่มีอะไรรับประกันผิวเรา จะไม่ถูกแดดเผาจนพัง ทางที่ดีก็ควรทำควบคู่กันไป ทั้งกินวิตามิน ทาครีมกันแดด และใช้ร่ม หมวก เสื้อแขนยาวป้องกันแดดด้วย
ควรกินวิตามินกันแดดอย่างไร?
วิตามินกันแดด มีทั้งรูปแบบน้ำ เม็ด แคปซูล ฯลฯ ซึ่งการรับประทาน ให้อิงตามฉลากของผลิตภัณฑ์ ว่าต้องทานมากน้อยแค่ไหนต่อวัน และควรทานก่อน หลัง หรือพร้อมกับอาหาร ข้อควรระวังคือไม่ควรทานมากเกินกว่าที่ฉลากกำหนด เพราะสารสกัดบางชนิด อาจส่งผลข้างเคียง หรือสะสมในร่างกายจนเป็นอันตรายได้ และถ้าทานแล้วมีอาการผิดปกติ เช่น มีผื่นคันตามตัว แสบผิว ตาไวต่อแสง เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ให้หยุดทานทันทีและไปพบแพทย์ เพราะวิตามินกันแดดอาจไม่ได้เหมาะกับร่างกายทุกคน
อาหารที่ช่วยให้ผิวทนทานต่อรังสียูวีจากภายใน
รังสียูวีจะมีผลให้ร่างกาย สร้างออกซิเจนที่มีพลัง (Active oxygen) ซึ่งเป็นสารอนุมูลอิสระขึ้นมา สารชนิดนี้จะไปกระตุ้น เกิดการสังเคราะห์เมลานิน ซึ่งเป็นสาเหตุของฝ้า และรอยกระขึ้นมา อีกทั้งยังไปลดการสร้างคอลลาเจน จนส่งผลให้ผิวหนังเหี่ยวย่น และหย่อนคล้อย เพื่อลดปริมาณออกซิเจน มีพลังตัวร้ายนี้ จึงควรรับประทานอาหาร ที่มีผลในการต้านสารอนุมูลอิสระ
วิตามิน
- วิตามินอี
- สารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยขจัดออกซิเจนที่มีพลัง ที่ถูกสร้างขึ้นมาจากการกระตุ้น โดยกันรังสียูวีออกจากร่างกาย อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินอี ได้แก่ อัลมอนด์ ถั่วต่างๆ งา ฟักทอง อะโวคาโด และปลาไหล
- วิตามินเอ
- วิตามิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีประสิทธิภาพ ช่วยคงสภาพที่แข็งแรงของผิวหนัง และเยื่อเมือก อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ ได้แก่ แครอท ฟักทอง ปลาไหล ตับสัตว์ และชีส เป็นต้น
- เบต้า แคโรทีน
- สารชนิดนี้ จะถูกเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ ในร่างกาย ซึ่งจะช่วยเสริมปริมาณวิตามินเอให้แก่ร่างกาย อาหารที่อุดมไปด้วยเบต้า แคโรทีน ได้แก่ แครอท ฟักทอง บร็อกโคลี่ กระเทียม ส้มต่างๆ และแตงโม
- วิตามินซี
- ช่วยกดการสร้างเมลานิน และอาจจะมีผล ในการทำให้ผิวหนังตึง และยืดหยุ่น อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซี ได้แก่ ผลไม้ตระกูลส้ม เกรปฟรุต มะนาว มะนาวเหลือง กีวี่ สตรอว์เบอร์รี่ ผักกาดกวางตุ้ง พริกหวาน และมันฝรั่ง เป็นต้น อย่างไรก็ดี วิตามินซีเป็นวิตามินที่ไม่ทนร้อน จึงควรนำมารับประทานสดหรือปรุงโดยใช้ความร้อนในเวลาที่สั้น
- โพลีฟีนอล
- สารต้านอนุมูลอิสระที่มีพลังงานสูง ซึ่งมีมากในถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์ถั่วเหลือง สตรอว์เบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ ถั่วต่างๆ มะกอก โกโก้ คาเคา กาแฟ และรำข้าว เป็นต้น
อาหารเพื่อผิวพรรณที่ควรระวังไม่รับประทานเมื่อต้องออกแดดในระหว่างวัน
แม้ว่าอาหารหลายชนิด อย่างเช่นส้มต่างๆ มะนาว มะนาวเหลือง เกรปฟรุต กีวี ลูกฟิก แตงกวา และขึ้นฉ่ายฝรั่ง จะอุดมไปด้วยวิตามินซีที่ดีต่อผิวพรรณ อย่างไรก็ดี อาหารเหล่านี้มีสารชนิดหนึ่งชื่อว่า ซอราเลน (Psoralen) ในปริมาณที่สูง หากรับประทานในปริมาณมาก สารชนิดนี้ จะส่งเสริมให้ร่างกายดูดซับรังสียูวีได้ดี ส่งผลในการกระตุ้น การสร้างเม็ดสีเมลานิน อันจะเป็นสาเหตุให้เกิด กระ และฝ้า และมีผลทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น หย่อนคล้อยได้ง่าย ดังนั้น เมื่อต้องออกแดด ในช่วงกลางวัน จึงควรหลีกเลี่ยง การรับประทานอาหารดังกล่าว ในช่วงเวลาเช้า และกลางวัน แต่ควรรับประทานในเวลาเย็นแทน เพื่อรับวิตามินซีเข้าสู่ร่างกาย
โดยปกติเรา ไม่ได้ทาครีมกันแดด ทั้งตัวหรือกางร่มใส่หมวกอยู่ตลอดเวลา เพราะอาการขี้เกียจก็มีเป็นครั้งคราว ดูแลผิวหน้าถูกวิธี แต่รับประทานไม่ถูกต้องทำให้เกิดโทษ หากต้องการดูแลป้องกันผิวพรรณให้ใส ไร้รอยด่างดำ หรือรอยเหี่ยวย่น สิ่งสำคัญที่ไม่ต่างจากการดูแลผิวหนัง จากภายนอกก็คือ การดูแลผิวจากภายในด้วยอาหารที่มีสารต้านอนูมูลอิสระสูง และหลีกเลี่ยงจากการรับประทานอาหารที่เสริมให้ผิวหนังดูดซับรังสียูวีดังกล่าวมาข้างต้น อย่างไร ก็จะช่วยให้เราสามารถที่จะดูแลผิวหน้าได้อย่างลงลึกมากขึ้น และทำให้เราได้รับประโยชน์จากมันได้อย่างเต็มที่ในที่สุด
ครีมกันแดด กันดะ มีวางจำหน่ายแล้วทั่วประเทศ สอบถามข้อมูล และ เลือกซื้อสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/pg/kandabeauty.company/
website : Kandabeauty.com