กู้หน้าพัง จบปัญหาพฤติกรรม ที่ทำให้ผิวเสีย
การดูแลรักษาผิวหน้าถือเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ผิวหน้าสำคัญมาก ไม่อาจนำไปลองผิดลองถูกได้ ดังนั้น ไม่ว่าจะทำอะไรกับผิวหน้าเราก็ควรจะหาความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องก่อนเป็นอันดับแรก ในชีวิตประจำวันเรามักเผลอทำพฤติกรรมบางอย่างที่ทำให้ผิวหน้าของคุณเกิดปัญหาขึ้นได้โดยที่ไม่รู้ตัว วันนี้จึงนำ กู้หน้าพัง จบปัญหาพฤติกรรมที่ทำให้ผิวเสีย มีใครเคยเผลอทำข้อไหนบ่อยครั้งบ้าง แล้วไปต่อกันที่วิธีดูแลผิวกันต่อเลย

🚫เช็ดหน้าไม่สะอาด / ไม่ใช้คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสำอาง
หลายคนอาจจะคิดว่าการใช้โฟมล้างหน้าก็เพียงพอแล้ว ทำไมเราจะต้องใช้คลีนซิงเช็ด แล้วไปล้างโฟมล้างหน้าต่อด้วย ขั้นตอนเดียวมันก็สะอาดเหมือนกัน หรือบางคนคิดว่าแต่งหน้าน้อย ทาแค่ครีมกันแดดใช้แค่โฟมก็พอ ไม่จำเป็นต้องใช้ถึงคลีนซิง ทุกคนต้องทำความเข้าใจ โฟมล้างหน้ามันทำความสะอาดได้ก็จริง แต่พวกเครื่องสำอางเนี่ยมันมีทั้งแบบกันน้ำ แบบที่มีส่วนผสมของน้ำมันหรืออะไรต่าง ๆ มลภาวะ ฝุ่น ที่ติดตามหน้าเราตอนที่ออกไปข้างนอก ที่โฟมล้างหน้าตัวเดียวล้างให้สะอาดหมดจดไม่ได้ ดังนั้นเพื่อให้ผิวของเราปลอดภัยไร้สิว ก็จงใช้คลีนซิงหรือรีมูฟเวอร์เช็ดก่อน เอาให้สะอาดแบบที่ว่าเช็ดออกมาแล้วสำลีเป็นสีขาว ถึงจะค่อยไปอาบน้ำล้างหน้าได้ ก็จะดีที่สุด บางคนใช้สบู่ในการล้างหน้าเป็นพฤติกรรมที่ไม่ควรทำอย่างมาก เนื่องจากในสบู่จะมีค่าเป็นด่างทำให้ผิวหน้าของเราแห้งตึง ส่งผลให้ผิวต้องผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น ดังนั้นสาวๆ คนไหนที่ชอบล้างหน้าด้วยสบู่ แนะนำให้เปลี่ยนมาใช้โฟมล้างหน้าที่มีค่าเป็นกรดอ่อนๆ จะดีกว่า และที่สำคัญควรเลือกใช้โฟมล้างหน้าที่เหมาะกับสภาพผิวของเราด้วย เพื่อช่วยให้ผิวสุขภาพดีขึ้น
🚫แต่งตา แต่ไม่ใช้อายรีมูฟเวอร์
การใช้อายรีมูฟเวอร์ เครื่องสำอางเกี่ยวกับดวงตาส่วนใหญ่เลยจะเป็นแบบกันน้ำ ไม่ว่าจะเป็นคิ้ว อายไลน์เนอร์ มาสคาร่า ยิ่งเป็นแบบกันน้ำยิ่งจะล้างออกยาก บางครั้งแค่คลีนซิงหรือรีมูฟเวอร์เช็ดเครื่องสำอางทั่วไปอาจจะยังไม่พอ ต้องใช้อายรีมูฟเวอร์เพิ่มเข้าไปด้วย เพราะอายรีมูฟเวอร์จะมีส่วนผสมของน้ำมันและมีความอ่อนโยนต่อดวงตามากกว่า ดังนั้นเนี่ยถ้าใช้อายรีมูฟเวอร์โดยเฉพาะจะทำให้ทำความสะอาดได้ง่ายกว่าและดีกว่านั่นเอง แค่เทรีมูฟเวอร์ใส่สำลี จากนั้นหลับตาลงแล้วเอาสำลีมาโปะที่ตา ทิ้งไว้สักครึ่งนาทีแล้วเช็ดออก ถ้ายังไม่หลุดให้ทำซ้ำไปเรื่อย ๆ รับรองสะอาดเกลี้ยง
🚫ไม่ล้างแปรงหรือพัฟแต่งหน้า
ต้องทำความสะอาดแปรง พัฟ ฟองน้ำหรืออุปกรณ์แต่งหน้า ความขี้เกียจมันไม่เข้าใครออกใคร เพราะจริง ๆ แล้วอุปกรณ์พวกนี้จะต้องล้างทุก ๆ วัน โดยเฉพาะกับแปรง พัฟหรือฟองน้ำที่ใช้ลงรองพื้น ส่วนพวกที่เป็นพัฟลงแป้งหรือแปรงปัดบลัชออนอาจจะเป็น 2 – 3 วันล้างสักครั้ง พวกแปรงลงอายแชโดว์ ถ้าไม่ได้จะเปลี่ยนสีก็ยึดตามแปรงปัดบลัชออน แต่ถ้าเปลี่ยนแนะนำให้ล้าง สีจะได้ไม่ปนกัน ส่วนวิธีทำความสะอาดก็ง่าย ใครมีงบจะซื้อน้ำยาล้างแปรงล้างพัฟก็ตามสะดวกเลย แต่ใครไม่มีงบของใกล้ตัวง่าย ๆ อย่างสบู่ก็ใช้ซักหรือล้างได้เหมือนกัน จะแบบก้อนแบบเหลวใช้ได้หมด ซักเสร็จแล้วซับให้แห้งแล้วผึ่งลมในที่ ๆ มีอากาศถ่ายเทจะดีมาก ๆ จะได้ไม่เสี่ยงอับชื้นและขึ้นรา
🚫ใช้ดรอปเปอร์แตะลงบนผิวหน้า
ดรอปเปอร์หรือที่หยดเซรั่มไม่ควรโดนกับผิวโดยตรง จริงๆควรจะบีบใส่มือแล้วค่อยนำมาทาลงบนหน้าจะดีกว่า เพราะว่าสามารถควบคุมปริมาณได้ง่ายกว่า แล้วก็ไม่เสี่ยงให้หัวดรอปเปอร์โดนผิวอีกด้วย ที่บอกว่าห้ามโดนก็เพราะว่าหน้าของเรามีน้ำมันบนผิว ถ้าหัวดรอปเปอร์แตะโดนบ่อย ๆ แล้วเราก็นำมันไปเก็บไว้ในขวด พวกแบคทีเรีย เชื้อโรคก็จะเกิดการสะสม เมื่อเรานำสกินแคร์มาใช้ก็จะทำให้เกิดสิวหรือการระคายเคืองได้ นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่เราใช้สกินแคร์แล้วเป็นสิว
🚫ใช้สกินแคร์หรือเครื่องสำอางที่หมดอายุ
สาเหตุที่เกิดจากการลืม ทั้งลืมจดวันที่ใช้งานหรือจดวันที่หมดอายุก็ตามผลิตภัณฑ์บำรุงผิวทุกชนิดมักจะมีวันหมดอายุเสมอ สิ่งนี้เป็นอะไรที่ส่งผลเสียได้แทบจะร้ายแรงที่สุด เพราะเครื่องสำอางหรือสกินแคร์ที่หมดอายุเนี่ย จะมีเริ่มมีแบคทีเรีย เชื้อโรคก่อตัวอยู่ เนื่องจากสัมผัสกับทั้งอากาศและน้ำมันบนใบหน้าเรา แถมบางครั้งไม่ได้ล้างอุปกรณ์แต่งหน้าทุกวัน ยิ่งทำให้เชื้อพวกนี้เติบโตไวมาก ๆ แนะนำให้ติดสติกเกอร์หรือโพสต์อิตโน้ตเพื่อเตือนตัวเองว่าเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่เท่าไหร่ เดือนไหน จะได้ไม่พลาด ถ้าครบแล้วก็ทิ้งได้เลย หรือพวกเครื่องสำอางสามารถทำไปบริจาคให้กับวัดได้ เขาจะทำการเอาเครื่องสำอางพวกนี้ไปแต่งหน้าศพ เอาไปบริจาคก็ยังดีกว่าทิ้ง ถือว่าได้ทำบุญไปในตัว
ข้อสังเกตง่ายๆ คือสัญลักษณ์ที่อยู่ด้านหลังแพคเกจจิ้ง ตัว M นั้นหมายถึงจำนวนเดือนนั่นเอง เช่น 3M = มีอายุ 3 เดือน
🚫แกะหรือบีบสิว / ลอกสิวเสี้ยนบ่อย ๆ
หลายคนน่าจะห้ามใจห้ามมือกันได้ยาก เพราะเวลาสิวขึ้นทีไร มันก็อดไม่ได้ ขอสักหน่อยเถอะ มันเขี้ยวจริง ๆ ต้องไปสะกิด แกะ เกา แล้วสุดท้ายก็จะทำให้ผิวของเราเกิดรอยดำ รอยแดงขึ้น แล้วจะบอกว่ารอยสิวเนี่ยรักษายากกว่าสิวซะอีก สิวขึ้นแล้วหมั่นทายา ไม่ไปจับไปแตะมัน พอมันแห้งก็จะทิ้งรอยไว้ไม่มากหรือไม่ทิ้งเลย แต่ถ้าเราไม่แงะไปแคะไปบีบมันเนี่ยอาจจะทำให้ผิวของเราเป็นรอยได้ ถ้าหากอยากกด แนะนำไปหาคุณหมอหรือผู้เชี่ยวชาญดีกว่า ส่วนเรื่องลอกสิวเสี้ยนไม่ได้ทำให้รูขุมขนกว้างขึ้น เพียงแต่ว่ามันไปรบกวนผิว เนื่องจากแผ่นลอกมันค่อนข้างเหนียว เวลาดึงออกผิวเราจะมีความเจ็บ ๆยุบยิบ ๆ ไปหมด จนสุดท้ายผิวก็ระคายเคือง ดังนั้นเนี่ยใช้สัก 1 ครั้งต่อสัปดาห์ก็เป็นอันพอแล้วเน้อ แต่ถ้ากลัวมันจะถี่ไปก็ เว้นเป็น 2 – 3 สัปดาห์/ 1 ครั้ง
🚫ไม่ทากันแดดเพราะใช้เครื่องสำอางที่มีกันแดดแล้ว
ช่วงนี้กำลังเป็นที่ถกเถียงกัน หลายคนจึงเลือกที่จะไม่ทาเพราะบอกว่ามันหนา มันเหนียว มันเหนอะ มันวอก แบบนี้ไม่ได้ หรือจะใช้แค่พวกเครื่องสำอางที่มี SPF อยู่แล้วก็ไม่ได้เช่นกัน มันยังไม่เพียงพอ ในปริมาณที่เราทาลงไป จะต้องทากันแดดไปก่อนหนึ่งชั้น และต้องทาอย่างน้อยเต็ม 2 ข้อนิ้ว! ไม่งั้นจะไม่เห็นผล หลายคนอาจจะแบบกลัวว่ามันเหนียว มันเหนอะ มันวอก ถ้าใช้กันแดดตัวไหนแล้วเป็นแบบนั้น แนะนำให้ซื้อตัวอื่นมาใช้แทนจะดีกว่านะคะ ของพวกนี้มันก็ต้องมีบ้างอยู่แล้วที่ไม่เข้ากับผิวเรา ยังไงก็ตามกันแดดเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ทุกคนต้องทากันแดดไม่ว่าจะอยู่ในบ้านหรือนอกบ้าน ทำกันให้เป็นชีวิตประจำวัน เพื่อผิวที่สวยของเรา
วิธีดูแลผิวหน้า
เริ่มที่การเข้าใจสภาพผิวสภาพผิวของแต่ละคนแตกต่างกัน การทำความเข้าใจสภาพผิวจะช่วยให้เราเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับปัญหาผิวของเรา
- ผิวธรรมดา ผิวในอุดมคติของใครหลายคน เพราะผู้ที่มีผิวธรรมดามักไม่มีปัญหาผิวใดเป็นพิเศษ ผิวมีความสมดุล มีความเงาเล็กน้อย ไม่แห้งหรือมันจนเกินไป มีลักษณะเรียบเนียนจนแทบไม่เห็นรูขุมขน และไม่เกิดการระคายเคืองง่าย
- ผิวแห้ง มีลักษณะแห้ง หยาบกร้าน ขาดความยืดหยุ่น และเห็นรูขุมขนค่อนข้างชัดเจน ผู้มีผิวแห้งมักมีริ้วรอยง่ายกว่าผู้มีสภาพผิวแบบอื่น หากผิวแห้งมากอาจทำให้เกิดรอยแดงบนผิวและทำให้ผิวลอกเป็นขุยได้
- ผิวมัน ผิวที่มีน้ำมันบนผิวมากกว่าสภาพผิวอื่น เนื่องจากต่อมไขมันใต้ผิวหนังผลิตน้ำมันออกมามากผิดปกติ ทำให้ผิวหน้ามีลักษณะมันเยิ้ม รูขุมขนกว้าง เกิดสิวต่าง ๆ ตามมาได้ง่าย หากอยู่ในสภาพอากาศร้อนจะยิ่งทำให้ผิวหน้ามันมากขึ้น
- ผิวผสม ผสมระหว่างผิวแห้งหรือผิวธรรมดากับผิวมัน โดยส่วนมากมักมีผิวแห้งบริเวณแก้มและมีผิวมันบริเวณทีโซน (T-Zone) ซึ่งหมายถึงบริเวณหน้าผาก จมูก และคาง ซึ่งทำให้การดูแลผิวยากกว่าคนที่มีสภาพผิวแบบอื่น เพราะผิวแต่ละจุดมีปัญหาที่ต้องการการดูแลที่ต่างกัน โดยในบริเวณที่ผิวแห้งอาจรู้สึกถึงความแห้งตึง ผิวแดงและลอกเป็นขุย ส่วนบริเวณที่ผิวมันจะมีลักษณะมันเงา เห็นรูขุมขนกว้าง และมีสิว
- ผิวแพ้ง่าย มักรู้สึกระคายเคืองต่อสารเคมีที่ผสมในครีมบำรุงผิวและเครื่องสำอาง เมื่อสัมผัสสารนั้นจึงทำให้เกิดอาการคันและแสบผิว ผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีแดง ในบางครั้งอาจทำให้ผิวแห้งลอกและมีตุ่มหรือผื่นขึ้นได้ จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผสมสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
4 ขั้นตอน ดูแลผิวหน้า
ไม่ว่าคุณจะมีสภาพผิวแบบใด การดูแลผิวหน้าเป็นประจำด้วยวิธีที่ถูกต้องจะช่วยแก้ไขปัญหาผิวและช่วยให้ผิวเนียนใสมีสุขภาพดี โดยมีขั้นตอนง่าย ๆ
🚿การล้างหน้า
- วิธีดูแลผิวหน้าคือการล้างหน้าให้สะอาดวันละ 2 ครั้ง ในตอนเช้าและก่อนเข้านอน หากแต่งหน้าควรใช้ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางก่อนการล้างหน้า ซึ่งมีหลายรูปแบบ เช่น สูตรน้ำ บาล์ม (Balm) โลชั่นเนื้อน้ำนม และแผ่นเช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอาง
- เมื่อล้างเครื่องสำอางออกจนหมดแล้ว เลือกใช้โฟมล้างหน้าที่อ่อนโยน ใช้ปลายนิ้วนวดเบา ๆ โดยไม่ขัดถูผิวหน้า จากนั้นล้างโฟมออกด้วยน้ำสะอาดและซับหน้าให้แห้ง
การล้างหน้าให้เหมาะกับสภาพผิวก็เป็นวิธีที่ช่วยแก้ปัญหาผิวได้ตรงจุด เช่น ผู้ที่มีผิวมันควรเลือกใช้โฟมล้างหน้าที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน ผู้ที่มีผิวแห้งควรเลือกโฟมล้างหน้าที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ และไม่ควรล้างหน้าด้วยน้ำที่มีอุณหภูมิสูงเกินไป เพราะจะทำให้ผิวแห้งมากขึ้น และผู้ที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่ายควรเลือกใช้โฟมล้างหน้าที่ผสมกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) และเบนโซอิล เพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide)
🧴
เซรั่ม วิธีดูแลผิวหน้าในขั้นตอนต่อมาคือการใช้เซรั่ม (Serum) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เนื้อบางเบาที่ประกอบด้วยสารบำรุงผิวเข้มข้น จึงช่วย
บำรุงผิว ให้เนียนใสและมีสุขภาพดี โดยเซรั่มมีหลากหลายสูตร และแต่ละสูตรมีคุณสมบัติในการบำรุงผิวที่ต่างกัน เช่น ลดริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้น และช่วยให้ผิวกระจ่างใส หลังล้างหน้าสามารถใช้เซรั่มได้ทั้งตอนเช้าและก่อนนอน หากใช้เซรั่มที่มีส่วนผสมของเรตินอล (Retinol) ซึ่งช่วยลดเลือนริ้วรอยและชะลอความแก่ของผิว ควรใช้ช่วงก่อนนอนเพราะจะช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่และซ่อมแซมผิวในยามค่ำคืน ส่วนเซรั่มที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระ อย่างวิตามินซี (Vitamin C) ควรใช้ในตอนเช้า เนื่องจากช่วยป้องกันความเสียหายของผิวจากรังสียูวี (UV) ในแสงแดด
หากใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก AHA และเบนโซอิล เพอร์ออกไซด์ ควรทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านเสมอ เพราะสารเหล่านี้อาจทำให้ผิวไวต่อแสงและระคายเคืองง่าย
👩🏻มอยส์เจอไรเซอร์ หลายคนเข้าใจว่าเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับคนที่มีผิวแห้งเท่านั้น แต่ความจริงแล้วการเติมความชุ่มชื้นให้ผิวเป็นวิธีดูแลผิวหน้าที่จำเป็นสำหรับคนทุกสภาพผิว หากผิวสูญเสียน้ำจะเริ่มขาดความยืดหยุ่น ทำให้ผิวหยาบ ลอกเป็นขุย แดง คัน และอาจเกิดผื่นผิวหนังอักเสบ (Dermatitis) ตามมา
มอยส์เจอร์ไรเซอร์มักมีส่วนประกอบของสาร
- สารที่ช่วยดูดซับน้ำ (Humectant)
- สารปิดกั้นไม่ให้น้ำซึมผ่าน (Occlusive) จะช่วยดึงความชื้นเข้าสู่ผิวและเก็บความชุ่มชื้นในผิวไม่ให้ระเหยออกไป
- สารที่ช่วยทำให้ผิวเนียนนุ่ม (Emollient) ที่มีคุณสมบัติเพิ่มความเรียบลื่นของผิวหนัง นอกจากนี้ มอยส์เจอร์ไรเซอร์บางชนิดอาจผสมสารออกฤทธิ์ชนิดอื่น ๆ เช่น สารกันแดด วิตามินซี และวิตามินอี
ควรเลือกมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิว หากมีผิวมันควรเลือกมอยส์เจอร์ไรเซอร์เนื้อบางเบาและไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน ส่วนผู้ที่มีผิวแห้งและผิวแพ้ง่ายอาจใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ชนิดครีมที่มีเนื้อหนา และชนิดขี้ผึ้ง ซึ่งมักไม่ผสมสารกันเสียที่อาจทำให้ผิวระคายเคือง
🌞ครีมกันแดด
แสงแดดเป็นตัวการสำคัญที่ทำร้ายผิว ทำให้ผิวหยาบกร้าน สีผิวไม่สม่ำเสมอ เกิดจุดด่างดำ ริ้วรอยก่อนวัย และอาจนำไปสู่โรคมะเร็งผิวหนังได้ จึงควรทาครีมกันแดดชนิดที่ปกป้องผิวได้อย่างครอบคลุม (Broad-Spectrum) ค่า SPF 30 ขึ้นไป โดยทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านอย่างน้อย 15 นาทีเพื่อให้ครีมซึมเข้าสู่ผิวหนัง เน้นทาครีมบนผิวหนังบริเวณที่ไม่มีเสื้อผ้าปกคลุมและทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง
- ผู้ที่มีผิวแห้งอาจเลือกใช้ครีมกันแดดชนิดครีมที่มีเนื้อหนา ส่วนผู้ที่มีผิวมันอาจเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อเบาอย่างโลชั่น (Lotion) หากใช้ครีม บำรุงผิว และเครื่องสำอางบางชนิดที่ผสมสารกันแดด ควรทาซ้ำระหว่างวันเพื่อรักษาประสิทธิภาพการป้องกันแสงแดด
วิธีดูแลผิวหน้าที่ถูกต้องไม่ใช่เรื่องยาก หากเข้าใจและใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิว นอกจากนี้ ควรดูแลสุขภาพ เช่น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ทำกิจกรรมผ่อนคลายความเครียด พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ทำอะไรที่ก่อให้เกิดการทำร้ายผิวหน้า และหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่ เพื่อบำรุงผิว
ลดรอยสิว ผิวเนียน จากภายในควบคู่กันไป หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเลือกใช้ครีมบำรุงผิวและปัญหาผิวที่ไม่หายขาด ควรปรึกษาเภสัชกรและแพทย์ผิวหนังเพื่อรับคำแนะนำ