Retinol ลดริ้วรอย สูตรโกงอายุผิว
หนีสิว หนีผิวคล้ำหมอง อาจจะหนีได้แต่ไม่ว่าใครก็หนีความแก่ไม่พ้น พออายุเรามากขึ้นผิวเราก็จะเหี่ยวย่นไม่ตึงเปรี๊ยะเหมือนเคย Retinol ลดริ้วรอย อย่างที่เขาว่ากันไว้ว่าสังขารไม่เที่ยง มีเกิดและดับไปเป็นธรรมดา หยุด! อย่าพึ่งปลงกับชีวิต!!! เพราะก่อนที่วันนั้นจะมาถึงวันนี้ทางเรามีสิ่งนี้มาเสนอ กับ เรตินอล ส่วมผสมสุดล้ำที่ช่วยปกป้องผิวเราให้ยังอ่อนเยาว์เหมือนเด็ก รับรองว่าจะถึงอายุจะเข้าเลขสามก็ยังเชิ่ด ผิวสวยแบบไม่แคร์สื่อ มาดูกันเลยว่าเรตินอลเค้าเริ่ดยังไง
Retinol
เรตินอลเป็นสารในกลุ่มเรตินอยด์ และเรตินอยด์ก็เป็นอนุพันธ์ของวิตามินเอ อะๆ มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะเริ่มงง เอาเป็นว่าอย่างแรกเราควรมาทำความรู้จักกับเรตินอยด์กันก่อนดีกว่า
เรตินอยด์เนี่ยเป็นที่รู้จักในเรื่องการช่วยรักษาริ้วรอยได้ดี ซึ่งจากงานวิจัยกับหนูทดลองและการศึกษาทางคลินิกในช่วงกลางทศวรรษ 1980 ชี้ให้เห็นว่าเรตินอยด์มีผลทำให้การสังเคราะห์คอลลาเจนเพิ่มขึ้น และมีบทบาทสำคัญ ในการยับยั้งเอนไซม์ที่ทำลายคอลลาเจนในชั้นผิว ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดริ้วรอยนั่นเอง ถ้าถามว่าแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรตินอลล่ะ? บอกเลยว่าเกี่ยวเต็มๆ
Retin A, Retinol , Retinoids, Retinoic acid , Vitamin A, Retinal , Tretinion มีชื่อเรียกต่างๆกันที่ทำให้งงใช่ไหม ชื่อก็คล้าย เขียนเกือบเหมือนกันอีก งงเลย เริ่มมาเรียนรู้กันเลย
สารในกลุ่มเบต้าแคโรทีน (beta carotene) ที่พบตามธรรมชาติ เรารู้จักกันในชื่อ “วิตามินเอ และอนุพันธุ์ของวิตามินเอ ” นั่นเอง ดังนั้น Retinoids คือคำหลัก ที่มีความหมายครอบคลุม วิตามินเอ และ อนุพันธ์ของวิตามินเอ ทั้งหมด
Retinoids มักพบในผลิตภัณฑ์ รักษาสิว และผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอยทำให้ผิวเนียนเรียบ มีสีสม่ำเสมอมากขึ้น
สารในกลุ่ม Retinoids ได้แก่
- retinyl esters เช่น retinyl propionate และ retinyl palmitate
- retinol (วิตามินเอ)
- retinaldehyde
- retinoic acid (กรดวิตามินเอ )
Retinoic acid / Tretinoin / กรดวิตามินเอ คือ สารตัวเดียวกัน แค่เรียกต่างกัน
- กรดวิตามินเอ active form
- สามารถออกฤทธิ์ได้ด้วยตัวมันเอง ถูกนำมาใช้ผสมในครีมยาทาสิว ลดรอยแผลเป็น รอยเหี่ยวย่น เช่น Retin-A® ,Renova® ,Stieva-A® โดยในความเข้มข้นสูง (0.1%) ใช้เพื่อรักษาสิว และในความเข้มข้นต่ำ (0.025, 0.05%) ใช้เพื่อรักษาผิวที่มีริ้วรอยหรือจุดด่างดำอันเป็นผลจากแสงแดด หรือ photodamage กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยลดรอยแตกลายของผิว (Stretch marks)
- สามารถก่อให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ คือ ทำให้ผิวแห้ง และก่อให้เกิดการระคายเคืองบนผิวได้อย่างรุนแรง ตามประกาศของ อย. จัดสารนี้เป็นยา จึงห้ามใช้ในเครื่องสำอาง
ส่วน retinyl esters, retinol, retinaldehyde จัดเป็นสารตั้งต้นเท่านั้น ตัวมันเองไม่มีฤทธิ์ใดๆ ต้องอาศัยเอนไซม์ในชั้นผิวเปลี่ยนให้เป็นกรดวิตามินเอเสียก่อน แล้วจึงออกฤทธิ์ได้ ลำดับการเปลี่ยน คือ retinyl esters → retinol → retinaldehyde → retinoic acid (active form)
ด้วยเหตุนี้เองทำให้ผลของการใช้สารตั้งต้นเหล่านี้ น้อยกว่าการใช้กรดวิตามินเอทาลงบนผิวโดยตรงทั้งในด้านประสิทธิภาพและการระคายเคือง
-
- Retinol (วิตามิน เอ)
- ช่วยปรับโครงสร้างชั้นบนสุดของผิวหนังชั้น keratin (keratinization) ที่อยู่ใกล้รูขุมขน
- ช่วยลดการอุดตันของเคราตินในรูขุมขน จึงลดการเกิดคอมีโดนและลดสิวได้
- ช่วยปรับผิวให้เรียบ รูขุมขนดูกระชับ ส่วนหนึ่งเกิดจากไม่มีคอมีโดนอุดอยู่ข้างใน รูขุมขนที่สะอาดจะแลดูเล็กลง
- มีคุณสมบัติในการละลายคอมีโดน เนื่องจากมีคุณสมบัติละลายในไขมัน จึงซึมเข้าสู่ต่อมไขมันใต้ผิวได้ดี มีฤทธิ์ลดการผลิตไขมันจากต่อมไขมัน
- ช่วยลดการอักเสบของสิว ลดการเจริญเติบโตของเชื้อ P.acne
- ช่วยผลัดเซลล์เคราตินให้หลุดออกโดยการเสริมสร้างเซลล์ผิวชั้นที่ลึกกว่า
- Retinol (วิตามิน เอ)
- Retinoid กลุ่มสังเคราะห์
- Differin® มีส่วนประกอบเป็น adapalene เป็น Retinoid กลุ่มสังเคราะห์ ความเข้มข้นที่มีจำหน่ายคือ 0.1% ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองน้อยกว่าการใช้ tretinoin และยังไม่ทราบแน่นอนว่ามีผลต่อการรักษา photoaging หรือไม่
- Retinoid กลุ่มสังเคราะห์ อีกตัวหนึ่งคือ tazarotene ซึ่งก่อให้เกิดการระคายเคืองน้อยกว่า tretinoin และ adapalene ใช้รักษาสิวและเรื้อนกวางเช่นกัน โดยมีจำหน่ายที่ความเข้มข้น 0.05 และ 0.1% ภายใต้ชื่อ Tazorac® และ Zorac® ส่วน Avage® ใช้รักษาผิวซึ่งถูกทำร้ายจากแสงแดด
สิ่งที่ควรระวังมากที่สุดในการใช้สารในกลุ่มนี้ นอกเหนือไปจากการทำให้ผิวระคายเคือง คือก่อให้เกิด “teratogenic effect” นั่นคือทำให้เกิดความผิดปกติของทารกในครรภ์ได้ ดังนั้นผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือสงสัยว่าตั้งครรภ์ ห้ามใช้สารในกลุ่มนี้ (Retinoids) โดยเด็ดขาด เพราะถึงแม้เรตินอยด์จะดียังไงแต่ก็มีอาการข้างเคียงต่อผิวค่อนข้างมาก เช่นทำให้ผิวแดง ผิวลอกหรืออักเสบ จึงทำให้ต้องมีการพัฒนาสารในกลุ่มนี้ให้มีอาการข้างเคียงลดน้อยลง ซึ่งก็คือพัฒนาการเปลี่ยนฟอร์ม โดยจะเปลี่ยนจาก Retinyl Esters > Retinol > Retinaldehyde > Retinoic acid ตามลำดับ
- Retinoic acid
- ถูกจัดให้มีสถานะเป็นยา ในขณะที่อีกสามตัวแรกตามกฎหมาย ถูกจัดให้มีสถานะเป็นเครื่องสำอาง ซึ่งหมายความว่าจะไม่สามารถออกฤทธิ์กับผิวได้ทันที ต้องอาศัยกลไกในผิวเปลี่ยนสภาพให้เป็นกรดวิตามินเอ จึงจะได้ผลลัพธ์ที่ส่งผลต่อโครงสร้างเซลล์ โดยการกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนหรือเซลล์ใหม่ ช่วยฟื้นฟูริ้วรอย แต่ส่วนใหญ่เราจะสังเกตเห็นว่า สกินแคร์ส่วนใหญ่จะใช้ในฟอร์ม Retinol มากกว่า เนื่องจากข้อดีก็คือการอยู่ในฟอร์ม Retinol จะทำให้การระคายเคืองน้อยลงตามไปด้วย เราจึงสามารถใช้เป็นส่วนผสมในสกินแคร์ได้ และข้อดีของสกินแคร์ก็คือสามารถใส่สารบำรุงด้านอื่นๆ จัดเต็มควบคู่ไปได้ด้วย
Retinol ดียังไง?
- เรตินอลมีส่วนกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน พร้อมทั้งช่วยยับยั้งเอนไซม์ที่สลายคอลลาเจนใต้ชั้นผิวเมื่อผิวมีคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ผิวที่เหี่ยวคล้อยก็จะกระชับขึ้น ดังนั้นเรตินอลจึงมีส่วนช่วยในการลดเลือนริ้วรอยด้วย
- เร่งวงจรผลัดเซลล์ผิว คือทำให้เซลล์ผลัดจากล่างขึ้นบนเร็วขึ้น ช่วยให้เซลล์ใหม่ที่สุขภาพดีกว่าขึ้นมาแทนที่เซลล์เก่าๆ ด้านบน จึงช่วยเผยผิวใหม่ที่ดูกระจ่างใสและเรียบเนียนขึ้น
วิธีใช้ Retinol
เนื่องจากเรตินอลเป็นส่วนประกอบที่ค่อนข้างแรงจึงมีข้อควรระวังในการใช้ ถ้าเราใช้ไม่ถูกวิธีหรือใช้ถี่เกินไป ก็อาจจะทำให้ผิวแห้ง ผิวแดงหรือลอกได้ มาดูกันว่าเราควรเริ่มใช้เรตินอลยังไงกันเลย
- แนะนำว่าควรเริ่มที่เปอร์เซ็นต์ต่ำๆ ใช้อย่างค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไปเนื่องจากเมื่อเราเริ่มใช้เรตินอลครั้งแรกต้องใช้เวลาให้ผิวได้ปรับตัวไม่อย่างนั้นอาจเกิดอาการต่างๆ ตามมา และควรตามด้วยมอยส์เจอไรเซอร์เพื่อช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวและลดอาการระคายเคืองควบคู่ไปด้วย
- ถ้าหากใช้เปอร์เซ็นต์ต่ำๆ แล้วไม่ระคายเคือง สามารถค่อยๆ เพิ่มความเข้มข้นได้
- เรตินอลสามารถทำให้ผิวไวต่อแสงแดด เพราะฉะนั้นต้องอย่าลืมทาครีมกันแดดกันน้า
- หากมีอาการแพ้ควรหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ทันที และคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการใช้เด็ดขาด
ใช้ Retinol คู่กับ Benzoyl Peroxide ได้ไหม?
ก่อนที่เราจะใช้สกินแคร์ซักตัว สิ่งสำคัญคือ ต้องแน่ใจว่าสกินแคร์ตัวที่เราเอามารวมกันจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผิวมากกว่าที่จะเกิดผลดี
ตัวที่เราจะยกมาพูดถึงในวันนี้นั่นก็คือ Benzoyl Peroxide หรือที่เรารู้จักกันในนาม ยา รักษาสิว นั่นเอง บ้างก็ว่าใช้ร่วมกันแล้วจะไปลดประสิทธิภาพของกันและกัน บ้างก็ว่า Benzoyl peroxide และ Retinol จะใช้ร่วมกันได้ก็ต่อเมื่อเรตินอลเป็นแบบ ( Encapsulated ) หรือมีสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่นเพิ่มเติมอยู่ด้วย
ถ้าถามว่าใช้คู่กันได้ไหม คำตอบคือใช้ได้ แต่ซิสว่าสิ่งที่ควรต้องระวังคือการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นเพราะผิวเรารับไม่ไหว โดยเราอาจจะแบ่งใช้ Benzoyl peroxideในตอนเช้าและเรตินอลในตอนเย็นแทน หรืออาจจะสลับระหว่างสองตัวเลือกนี้ก็ได้ค่ะ แต่ไม่ว่าจะยังไงสิ่งสำคัญคืออย่าลืมทากันแดดด้วย
เหมือนที่คนเขาพูดกันว่าเวลาผ่านไปไวยิ่งกว่าจรวด! เผลอแป๊บเดียวเลขสามเลขสี่ก็เตรียมจ่อคิวอยู่รอมร่อ ใครยังช้า ปล่อยสภาพผิวเลยตามเลยต้องคิดใหม่ด่วนๆ ผิวบอบบางแพ้ง่าย ผิวหน้าส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ เพราะเวลามันไม่เคยคอยใคร และผิวเราก็พร้อมที่จะเหี่ยวตามไปด้วย ก่อนที่วันนั้นจะมาถึง ลองมองหาสกินแคร์ซักตัวที่มีเรตินอลเป็นส่วนผสมไว้ให้อุ่นใจ เชื่อเถอะว่ายังไงกันไว้ก็ดีกว่าแก่แน่นอน
เจลแต้มสิว กันดะ มีวางจำหน่ายแล้วทั่วประเทศ สอบถามข้อมูล และ เลือกซื้อสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/pg/kandabeauty.company/
website : Kandabeauty.com