Moisturizer รักษาสมดุลผิวช่วยเติมน้ำให้ผิวชุ่มชื้น
นอกจากหน้าจะแห้ง จะเหมือนโดนสวรรค์แกล้งแล้วหน้ายังแตก จนอยากแทรกแผ่นดินหนีอีก พูดแล้วจะร้อง ใครที่กำลังเจอปัญหาหน้าผิวแห้งจนลอกเป็นขุย ตึงเปรี๊ยะ เจ็บแสบแบบไม่ไหว ขอเชิญพบกับ! ฮีโร่ที่ Moisturizer รักษาสมดุลผิวช่วยเติมน้ำให้ผิวชุ่มชื้น อย่างมอยส์เจอไรเซอร์ วันนี้มาเล่าสู่กันฟังว่าเค้าคืออะไร พิเศษยังไง หรือตอบคำถามว่า ทำไมทามอยส์เจอไรเซอร์แล้วมันแสบผิว
Moisturizer คืออะไร?
จริงๆ แล้วมอยส์เจอไรเซอร์ คือคำที่ถูกนิยามขึ้น จากเหล่านักการตลาด เพื่อบ่งบอกว่าเจ้าสิ่งนี้เนี่ยคือสารที่รักษาความสมบูรณ์ของผิว โดยทำหน้าที่เป็นสารให้ความชุ่มชื้นให้กับผิว และช่วยซ่อมแซมเกราะป้องกันผิว จะบอกว่าผลิตภัณฑ์ ที่เราทาไปเค้าไม่ได้อยู่เฉยๆ บนพื้นผิวของผิวหนังเท่านั้น แต่เค้ายังแทรกซึมเข้าไป มีอิทธิพลต่อโครงสร้าง และการทำงานของผิวเราด้วย ซึ่งแต่ละตัวก็จะมีกลไก การออกฤทธิ์แตกต่างกันไป บางตัวช่วยเรื่องผิวนุ่ม บางตัวซีลผิว เพื่อลดการสูญเสียน้ำผ่านผิวหนัง และหรือบางตัวช่วยฟื้นฟูเกราะป้องกันผิวในการดูดซับ กักเก็บน้ำในผิวไว้ให้ผิวยังคงความชุ่มชื้น บอกเลยว่าครบสารพัดประโยชน์
ทำไมเราถึงต้องใช้ Moisturizer ?
อย่างที่เรารู้กันดีว่า ผิวหนังทำหน้าที่ เป็นเกราะป้องกัน เนื้อเยื่อใต้ผิวจากปัจจัยภายนอก ไม่ว่าจะการติดเชื้อจากแบคทีเรีย หรือการระคายเคืองจากสารเคมี ถ้าเกิดเกราะป้องกันผิว ซึ่งเป็นแหล่งสะสมของไขมันดี ( เช่น เซราไมด์ คอเลสเตอรอล และกรดไขมัน ) เกิดพังเป็นรอยรั่ว น้ำในผิวก็พร้อมที่จะระเหยออกไป ซึ่งปริมาณน้ำในผิวหนังนี่แหละ ที่เป็นตัวชี้วัดความแห้งของผิว และคอยคงสภาพความยืดหยุ่นให้แก่ผิว พอเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ผิวก็จะขาดความชุ่มชื้น และนำไปสู่ผิวแห้ง
เมื่อผิวเราแห้งเราจะสามารถสังเกตุ เห็นได้ชัดเจนว่าผิวจะมีความแห้งกร้าน สัมผัสไม่เรียบนุ่มเหมือนเคย ซึ่งบางคนก็อาจจะมีอาการอาการตึง เจ็บปวด คัน แสบร่วมด้วย นอกจากผิวแห้งแล้วคนผิวมัน ก็อย่าพึ่งนิ่งนอนใจไป เพราะผิวแห้งเท่ากับร่างกายเรา จะยิ่งผลิตน้ำมันบนผิวออกมามากเท่านั้น หน้ามันแบบไม่ต้องสืบ ทีนี้แหละตามมาด้วยปัญหาสิวจุกๆ อีก เพราะฉะนั้น เราก็ควรกันไว้ก่อนแก้ ซึ่งการทามอยส์เจอไรเซอร์ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการเหล่านี้ โดยการตัดวงจรผิวแห้ง และยังคงความเรียบเนียนของผิวไว้ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะผิวธรรมดา ผิวแห้ง หรือผิวแบบไหนๆ ก็ควรใช้มอยส์เจอไรเซอร์!
ประเภทของ Moisturizer
ถึงจะเรียกว่ามอยส์เจอไรเซอร์ แต่ใช่ว่าสารทุกตัวจะเหมือนกัน เพราะอย่างที่เกริ่นไปตั้งแต่ต้น มอยส์เจอไรเซอร์เค้าแบ่งตามกลไก หน้าที่การทำงานของแต่ละตัวไป มาดูกันว่ามีอะไรบ้างกันเลย
- Occlusive
- มอยส์เจอไรเซอร์ ที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มน้ำมัน และทำหน้าที่ในการรักษาปริมาณน้ำในผิวหนัง ป้องกันน้ำระเหยออก โดยการสร้างฟิล์มกันน้ำ เคลือบเหนือผิวหนัง เช่น Mineral oil, Petrolatum jelly, Beeswax, Silicones
- Humectant
- ประกอบด้วย สารดูดความชื้น ที่ช่วยดึงน้ำจากชั้นล่างของผิว และน้ำจากสภาพแวดล้อม เข้ามาเพื่อเป็นการเติมความชุ่มชื้นให้ผิว เช่น Urea, Hyaluronic acid, Glycerin, Propylene glycol
- Emolient
- ส่วนใหญ่ประกอบด้วย ไขมันดี ซึ่งเติมเต็มช่องว่างระหว่างเซลล์ จะช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง จึงป้องกันการสูญเสียน้ำในผิว ปรับให้ผิวเรียบเนียน นุ่มขึ้น คงความยืดหยุ่นไว้ได้ เช่น Fatty Acid, Ceramides, Squalene
ทริคเลือก Moisturizer ยังไงให้เห็นผล
บางคนอาจจะมีคำถาม ทำไมทาว่านหางจระเข้แล้วผิวไม่ชุ่มชื้นขึ้นเลยล่ะ ทั้งๆ ที่นี่ก็มอยส์เจอไรเซอร์นี่นา? นั่นก็เป็นเพราะหน้าที่ของเค้าคือเป็น Humectant ที่ช่วยดึงน้ำเข้าสู่ผิวแต่ไม่ได้ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นนั่นเอง เห็นมั้ย ว่าการรู้จักหน้าที่มีความสำคัญขนาดไหน ทีนี้มาลองดูกันว่าคนแต่ละประเภทผิวเหมาะกับมอยส์เจอไรเซอร์แบบไหนบ้าง
- ผิวแห้ง
- เหมาะกับกลุ่ม Occlusive เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ใต้ผิว
- ( Humectant + Occlusive Moisturizers ) เลือกเนื้อสัมผัส บำรุงผิว ที่เนื้อค่อนข้างหนัก แนะนำว่าคนผิวแห้งอย่าใช้แค่ Humectant อย่างเดียว เพราะถ้าเราอยู่ในที่ที่สภาพอากาศแห้งผิวเราจะยิ่งแห้งเข้าไปใหญ่ เพราะมันจะดึงน้ำจากใต้ผิวแทนที่จะดึงจากอากาศแทน
- ผิวมัน
- เหมาะกับกลุ่ม Humectant ดึงความชุ่มชื้นเข้าสู่ผิว
- ( Emollient + Humectant ) เลือกเนื้อสัมผัสบางเบา จะได้สบายผิว ไม่หนักหน้า
- ผิวแพ้ง่าย
มอยส์เจอไรเซอร์แบบไหนที่เหมาะกับผิวหน้าของเรา
การเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวหน้าถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผิวมีสุขภาพดี โดยหลักการพื้นฐานสำหรับการเลือกผลิตภัณฑ์ดูเเลผิวหน้า คือ ผลิตภัณฑ์นั้นควรปราศจากน้ำหอม สารกระตุ้นการแพ้หรือสารก่อการระคายเคือง และไม่ก่อให้เกิดสิว เพราะองค์ประกอบดังกล่าว หากมีในตำรับอาจส่งผลต่อสุขภาพผิวได้
สำหรับการเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ให้เหมาะสมกับสภาพผิวนั้น ขอแยกตามประเภทของผิวหน้า ดังนี้
- ผิวปกติ (Normal skin)
- ลักษณะผิว
- ไม่แห้งหรือมันจนเกินไป สามารถใช้มอยส์เจอไรเซอร์ฐานน้ำ (Water-based moisturizer) ซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบโลชั่น เพื่อที่จะได้รู้สึกแห้งเร็ว เบาสบายผิว ไม่รู้สึกเหนียวเหนอะหนะจนเกินไป หรือหากต้องการความชุ่มชื้นมากๆ ก็สามารถใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่เป็นฐานน้ำมันได้ (Oil-based moisturizer) แต่เวลาที่ใช้อาจปรับเปลี่ยนตามสภาพอากาศ เช่น ถ้าอยู่ในประเทศที่มีอากาศเย็นหรือหนาว สามารถทามอยส์เจอไรเซอร์ที่เป็นฐานน้ำมันได้ทั้งเช้าและเย็น แต่หากอยู่ในประเทศที่มีอากาศค่อนข้างร้อน แนะนำให้ทาช่วงก่อนนอน จะได้ไม่เกิดความเหนียวเหนอะหนะระหว่างวัน
- ลักษณะผิว
- ผิวแห้ง (Dry skin)
- ลักษณะผิว
- จะค่อนข้างแห้งและขาดน้ำ จึงควรใช้มอยส์เจอไรเซอร์อย่างสม่ำเสมอ โดยแนะนำให้ใช้มอยส์เจอไรเซอร์ฐานน้ำมัน (Oil-based moisturizer) ที่ประกอบไปด้วยน้ำมันสำหรับ บำรุงผิว เป็นส่วนประกอบ เพื่อให้น้ำมันเคลือบผิวไม่ให้ความชื้นจากผิวระเหยออกไป ซึ่งเนื้อของผลิตภัณฑ์อาจมีความข้นหรือหนืดมากกว่าปกติ หากท่านใดมีผิวที่แห้งมากเป็นพิเศษ อาจใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อเป็นขี้ผึ้งซึ่งมีความสามารถในการคลือบผิว ทำให้ลดการระเหยของน้ำได้มากกว่าผลิตภัณฑ์ชนิดโลชั่นหรือครีม แต่ข้อจำกัดของผลิตภัณฑ์เนื้อขี้ผึ้งคือ จะก่อให้เกิดความมันบนผิว อาจทำให้ไม่สะดวกหากทาตอนกลางวัน จึงแนะนำให้ทาตอนก่อนนอน
- ลักษณะผิว
- ผิวมัน (Oily skin)
- ลักษณะผิว
-
- จะเป็นผิวที่มันวาวเนื่องจากมีการผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมามากกว่าปกติ และอาจมีสิวด้วยในบางคน คนส่วนใหญ่จึงคิดว่ามอยส์เจอไรเซอร์เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นสำหรับคนผิวมัน อย่างไรก็ดี ผิวประเภทนี้ยังต้องการความชุ่มชื้นด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่ล้างหน้าเสร็จ มอยส์เจอไรเซอร์ที่แนะนำให้ใช้จะเป็นแบบฐานน้ำ (Water-based moisturizer) ที่อาจอยู่ในรูปแบบโลชั่นเหลว ซึ่งเมื่อเทียบกับครีมเเล้ว โลชั่นจะมีน้ำเป็นองค์ประกอบส่วนใหญ่ในตำรับ มีผลดีคือจะก่อให้เกิดสิวน้อยกว่า นอกจากนี้ คนผิวหน้ามันควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบเป็นสารที่เป็นน้ำมัน เช่น น้ำมันมะพร้าว โกโก้บัทเตอร์ (Cacao butter) หรือปิโตรเลียมเจลลี่ (Petroleum jelly)
-
- ลักษณะผิว
- ผิวผสม (Combination skin)
- ลักษณะผิว
- บางบริเวณจะแห้งและบางบริเวณ เช่น หน้าผาก จมูก คาง จะมีความมัน อาจเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีความหนืดเเละให้ความชุ่มชื้นปานกลาง เป็นเนื้อโลชั่นกึ่งครีม หรืออาจเลือกใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละส่วน เช่น ส่วนที่แห้ง ใช้มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับคนผิวแห้ง และส่วนที่มัน ให้ใช้มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับคนผิวมัน
- ลักษณะผิว
ทำไมทา Moisturizer แล้วแสบหน้า?
หลายครั้งที่ผิวเราแห้งๆ มา พอทามอยส์เจอไรเซอร์ลงไปแล้ว รู้สึกแสบจี๊ด จนตกใจว่าหรือเราระคายเคือง สกินแคร์ตัวนี้กันนะ แต่ความจริงแล้ว สาเหตุเกิดมาจากสภาพผิวของเรา ในช่วงนั้นกำลังย่ำแย่ เกราะป้องกันผิวของเราจึงไม่แข็งแรง ทำให้แสบเวลาทามอยส์เจอไรเซอร์ วิธีการแก้ก็ง่ายมาก นั่นก็คือทามอยส์เจอไรเซอร์เสริมเกราะป้องกันผิววนไป พอผิวเราปรับสภาพได้แล้ว ทาสกินแคร์ครั้งหน้าก็ทาได้สบายผิวแล้วจ้า แต่ถ้าทากี่ครั้งก็ยังแสบหน้า อันนี้เป็นสัญญาณเตือนของการแพ้ครีมแล้ว เป็นยังไง เข้าใจความสำคัญของมอยส์เจอไรเซอร์กันมากขึ้นหรือยัง? อย่าลืมว่าสิ่งที่ขาดไปไม่ได้ ไม่ว่าจะยังไงก็คือการเติมน้ำให้ผิว เพราะการที่ผิวเราขาดน้ำ จะตามมาด้วยปัญหาหลายอย่างมากเวอร์ ไม่ว่าจะหน้าลอกเป็นขุย หน้ามัน หรือสิวเห่อ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะผิวธรรมดา ผิวแห้ง หรือผิวแบบไหนๆ ยังไงก็ควรใช้มอยส์เจอไรเซอร์ไว้นะ ผิวเราจะได้อิ่มฉ่ำ นุ่มเด้ง สุขภาพดีกันไปยาวๆเลย
ใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่เข้ากับผิว เพื่อลดการอุดตัน หรือไม่เหมาะกับผิว ให้ผิวหน้าได้ชุ่มชื่น เสริมสรา้งเกาะป้องกันผิว ในการไปเลือกซื้อสินค้า เราก็ยังคงต้องระมัดระวังเรื่องความสะอาด ไม่หยิบจับอะไรมั่วซั่ว เพราะเชื้อโรคสามารถอยู่ได้ทุกที่ นอกจากเชื้อโควิดที่น่ากลัวแล้ว ตอนนี้ยังมีโรคระบาด รู้จักโรคฝีดาษลิง โรคใหม่ที่ควรระวัง ไวรัสจากสัตว์สู่คน กันด้วยนะ
เซรั่ม กันดะ มีวางจำหน่ายแล้วทั่วประเทศ สอบถามข้อมูล และ เลือกซื้อสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/pg/kandabeauty.company/
website : Kandabeauty.com