ผิว น้ำเย็นหรือน้ำอุ่น ล้างหน้าได้ดีกว่ากัน?

ผิวแห้ง ผิวขาดน้ำ คุณกำลังเผชิญกับ ผิวประเภทไหน?

ผิวแห้ง ผิวขาดน้ำ คุณกำลังเผชิญกับ ผิวประเภทไหน

ผลิตภัณฑ์หรือสกินแคร์ต่าง ๆ ที่กำลังใช้อยู่เข้ากับผิวหน้าเราได้ดีมาก ไม่มีอาการแพ้ หรือระคายเคืองใด ๆ ในขณะเดียวกันก็ไม่ทำให้ผิวหน้าดีขึ้น ผิวแห้ง ผิวขาดน้ำ แสดงว่าผิวของคุณอาจกำลังขาดน้ำได้ มีสกินแคร์มากมายที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวของเรา บางคนที่มีผิวหน้ามันก็ไม่ได้หมายความว่าผิวจะขาดน้ำไม่ได้ และคนที่มีผิวแห้งก็ไม่ได้หมายความว่าผิวขาดน้ำ แล้วทั้งสองมีความแตกต่างอย่างไร เริ่มจากการเช็คผิวของตัวเองก่อนว่าอยู่ในลักษณะใด แล้วมาดูกันว่าระหว่างผิวแห้งและผิวขาดน้ำแตกต่างกันอย่างไร
ผิวแห้ง ผิวขาดน้ำ คุณกำลังเผชิญกับ ผิวประเภทไหน
ประเภทของผิว
ผิวของคุณเปลี่ยนแปลงได้เมื่อเวลาเปลี่ยนไป วัยรุ่นส่วนใหญ่จะมีผิวธรมดา หรือผิวมัน แต่พออายุมากขึ้นผิวมักจะเปลี่ยนเป็นผิวแห้ง
  • วิธีแยกประเภทผิว
    • เราจะใช้ระดับน้ำมันและน้ำใต้ผิวเป็นตัวแยกประเภทผิว และพิจารณาร่วมกับการไวของผิวต่อสิ่งกระตุ้นต่างๆ
    • น้ำใต้ผิว จะช่วยเรื่องความยืดหยุ่นผิว
    • น้ำมันใต้ผิว ช่วยเรื่องความอ่อนนุ่มของผิว
🟡ผิวธรรมดา
ผิวที่ไม่แห้งหรือมันเกินไป ผิวธรรมดาจะ ไม่มีการแพ้ที่รุนแรง แทบจะไม่เห็นรูขุมขน และสีผิวจะสดใส
🟢ผิวผสม
ผิวที่แห้งหรือผิวธรรมดาในบางส่วน และมันในบางส่วน  เช่น มันบริเวณ T-Zone คือ จมูก หน้าผาก คาง แต่แห้งบริเวณแก้ม คนสวนใหญ่จะมีผิวผสม ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการดูแลที่แตกต่างกันในแต่ละบริเวณ
🔵ผิวผสมจะมีรูขุมขนใหญ่กว่าผิวธรรมดา
มีสิวหัวดำ และมีผิวมันเล็กน้อย
*เทคนิคดูแลผิวผสม : ตอนเช้าใช้เอสเซ้นส์สูตรน้ำ ที่ไม่มีน้ำมัน ตามด้วยใช้โลชั่นทาเฉพาะบริเวณที่ผิวแห้ง ส่วนตอนกลางคืนใช้เอสเซ้นส์สูตรน้ำที่ไม่มีน้ำมัน และตามด้วยครีมหรือน้ำมัน เน้นปริมาณมากขึ้นบริเวณที่แห้ง และใช้น้อยกว่าในบริเวณที่มัน กรณีหน้าหนาวสามารถเพิ่มปริมาณการใช้ครีมหรือน้ำมันได้ และอาจเปลี่ยนจากใช้โลชั่นตอนเช้าบริเวณที่ผิวแห้งเป็นครีมหรือน้ำมันได้
🟣ผิวแห้ง
รูขุมขนจะเล็กมาก แทบจะมองไม่เห็น ผิวแห้ง หยาบกร้าน มีรอยแดง ผิวยืดหยุ่นน้อย เห็นริ้วรอยชัดเจน ผิวอาจแตก ลอก คัน ระคายเคือง หรืออักเสบ ถ้าแห้งมาก ผิวจะหยาบและลอกโดยเฉพาะบริเวณมือ แขน และขา ผิวแห้งจะมีอาการแย่ขึ้นเมื่อ อายุมากขึ้น โดนแสงแดด ลม อากาศเย็น หรือแม้แต่การอาบน้ำอุ่นหรือแช่น้ำอุ่น
นอกจากนี้ถ้าผิวแห้งโดน ส่วนผสม ที่รุนแรงในเครื่องสำอางหรือสารทำความสะอาด เช่น สบู่ โฟมล้างหน้า อาจทำให้ผิวยิ่งแห้งมากไปกว่าเดิม
ผิวขาดน้ำ (Dehydrated skin)
สภาพผิวที่ “ขาดความชุ่มชื้น” สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกๆ สภาพผิวไม่ว่าจะผิวแห้ง ผิวผสม หรือแม้กระทั่งผิวมัน ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย อาทิ สภาพอากาศ มลภาวะภายนอก
📍อาการ
    • ผิวระคายเคือง คันเล็กน้อย
    • ผิวทั้งแห้งและมันในเวลาเดียวกัน
    • บริเวณใต้ตาคล้ำ และมีริ้วรอย
    • ผิวทั่วไปมีริ้วรอยร่องตื้น
🩺วิธีการรักษา
    • ดื่มน้ำให้เพียงพอ และสม่ำเสมอ เพราะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นระดับเซลล์โดยธรรมชาติ (Natural Moisturizer) ควรดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน โดยปริมาณที่แนะนำคือ 2 ลิตร สำหรับผู้ชาย และ 1.6 ลิตร สำหรับผู้หญิง (สตรีมีครรภ์ควรดื่มเพิ่มอีก 300 มิลลิลิตร) ทั้งนี้สามารถปรับปริมาณการดื่มน้ำเปล่าให้เข้ากับชีวิตประจำวันของคุณได้เช่นกัน
    • เลือกผลิตภัณฑ์ บำรุงผิว ให้เหมาะสม หลีกเลี่ยงการใช้โฟมล้างหน้ามีฟอง และเลือกใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่ช่วยเติมน้ำให้ผิว หรือมีสารสกัดธรรมชาติ เช่น ว่านหางจระเข้
    • รับประทานผักผลไม้ให้มากขึ้น
    • ลดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    • เลิกบุหรี่
    • ออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อรักษาสมดุลการไหลเวียนโลหิต
    • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
ผิวแห้ง (Dry skin) 

สภาพผิวที่ “ขาดความมัน” มีสาเหตุมาจากต่อมไขมันผลิตน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวได้น้อยกว่าปกติ จึงทำให้ผิวไม่สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ได้นาน ส่งผลให้ผิวมีอาการแห้งตึงหรือคันจนกระทั่งแห้งกร้านและลอกเป็นขุย ซึ่งผิวจะอยู่ในสภาพที่แพ้ง่ายและแห้งอยู่เสมอ ส่วนมากอาการผิวแห้งจะเป็นสภาพผิวที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดหรือเป็นปัญหาของโรคผิวหนังบางประเภท

📍 อาการ
    • ผิวดูหยาบกร้าน
    • คันตามผิวหนัง
    • ผิวหนังตกสะเก็ด ผิวลอกหรือเป็นขุย
    • ผิวแห้งแตกและอาจมีรอยเลือดซึม
🩺วิธีการรักษา
    • รับประทานอาหารที่มีโอเมก้า 3 และวิตามิน เอ ซี อี เพื่อบำรุงผิวแห้งให้ชุ่มชื้น
    • ดื่มน้ำมากๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ
    • ใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับบำรุงผิวหน้าและผิวกายสูตรอ่อนโยนสำหรับผิวแห้ง
    • ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์เพื่อเติมความชุ่มชื้น บำรุงผิว และใช้ครีมเนื้อขี้ผึ้งเพื่อปกป้องไม่ให้น้ำระเหยออกจากผิว
    • ใช้ครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ

ความแตกต่างระหว่าง“ผิวแห้ง”และ“ผิวขาดน้ำ”
อาการผิวแห้งและผิวขาดน้ำนั้นเกี่ยวข้องอย่างไร ผิวที่แห้งจะขาดความมัน และมักจะรู้สึกตึงบนใบหน้าและอาจมีการลอกเป็นขุย ๆ ได้ ผิวที่ขาดน้ำจะมีอาการปรากฏออกมาในหลาย ๆ ด้าน เช่น รู้สึกตึงและแห้ง เกิดสิวขึ้น ความหมองคล้ำ ระคายเคือง และอื่น ๆ ภาวะขาดน้ำมักเกิดขึ้นเมื่อเกราะป้องกันความชื้นของผิวถูกทำลาย และผิวของคุณไม่ได้รับความชุ่มชื้นตามที่ต้องการ สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจหลักการพื้นฐานของการดูแลผิว
ประเภทของผิว
ผลมาจากกรรมพันธุ์ คุณเกิดมาพร้อมกับสภาพผิวของคุณ ไม่ว่าจะเป็นผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม หรือผิวธรรมดา ส่วนสภาพผิวเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากสภาพผิวของคุณ หรือการดูแลผิวของเราแบบผิดวิธี ซึ่งหมายความว่าสภาพผิวสามารถแก้ไขได้เมื่อได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม สิว การคายน้ำ การอักเสบ รอยแดง ความหมองคล้ำ และริ้วรอย ล้วนแล้วแต่เป็นเพราะสภาพผิว วิธีคิดที่ดีที่สุดคือ ผิวขาดน้ำเป็นสภาวะที่มาแล้วก็หายไปได้ แต่ถ้าคนที่มีผิวแห้งนั้นรักษาไม่หายขาดได้ ภาวะขาดน้ำอาจทำให้เกิดสภาพผิวได้มากมาย วิธีแก้ปัญหาที่ดีก็คือการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวและดูว่าผิวของเรามีการตอบสนองอย่างไร
ผิวขาดน้ำเกิดจาก
แม้ว่าผิวแห้งจะเกิดจากกรรมพันธุ์ แต่ภาวะขาดน้ำอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งหลาย ๆ สาเหตุมาจากความเครียดจากสิ่งแวดล้อม แสงแดด ความร้อน คลอรีน การดื่มแอลกอฮอล์ และการดื่มน้ำไม่เพียงพอ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้ผิวขาดน้ำได้ เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นการทำลายสมดุลของผิว การขัดผิวที่มากเกินไป การใช้กรดกับผิว ทั้งหมดนี้ทำให้เกิดภาวะผิวขาดน้ำได้ สำหรับคนที่มีผิวแห้ง นั่นหมายความว่าผิวของคุณผลิตน้ำมันออกมาได้ไม่เพียงพอที่จะรักษาระดับความชุ่มชื้นของผิวได้

🌞คนที่มีผิวมันขาดน้ำได้หรือไม่

ภาวะขาดน้ำมักเป็นผลมาจากเกราะป้องกันความชุ่มชื้นที่ทำงานผิดปกติ ซึ่งอาจทำให้ผิวของคุณรู้สึกแห้งและระคายเคือง สำหรับคนที่มีผิวหน้ามันมาก ๆ นั่นหมายความว่าผิวของคุณมีการผลิตน้ำมันออกมาเยอะมากเกินไป เพราะผิวรู้สึกขาดน้ำ เป็นสาเหตุที่ทำให้หน้ามันนั่นเอง แน่นอนว่าสิ่งนี้สามารถนำไปสู่การอุดตันรูขุมขน ทำให้เกิดสิว และรูขุมขนกว้าง ทำให้หน้ามันเยิ้มระหว่างวัน แต่งหน้าไม่ติดทน ทั้งหมดนี้ต้องแยกให้ออกว่าผิวของคุณขาดน้ำหรือว่าผิวมัน
🌞คนที่มีผิวแห้งขาดน้ำได้หรือไม่
แม้ว่าผิวแห้งจะเป็นประเภทผิวที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด แต่ก็เป็นไปได้ที่ผิวแห้งจะขาดน้ำได้ แต่คนที่มีผิวหน้าแห้งเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็มักจะเน้นที่การใช้สกินแคร์ที่มีเนื้อหนัก และหลีกเลี่ยงสิ่งต่าง ๆ ที่ทำให้หน้าแห้งมากขึ้น เช่น การขัดผิวด้วยสารที่เป็นกรด ส่วนครีมบำรุงต่าง ๆ สำหรับคนผิวแห้งมักจะมีซิลิโคนผสมอยู่ด้วย แทนที่จะทำให้ผิวหน้ามีความชุ่มชื้นมากขึ้น แต่กลับเป็นการเคลือบผิวแทน ไม่ได้ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวเลย
วิธีรักษาผิวแห้งและผิวขาดน้ำ
การรักษาผิวแห้งเป็นเรื่องของการดูแลผิวที่เหมาะสม สิ่งสำคัญอย่างแรกเลยคือการผลัดเซลล์ผิว เนื่องจากชั้นผิวที่ตายแล้วและยังคงอยู่บนผิวหนังของเราทำให้เกิดความหมองคล้ำได้ การขัดผิวด้วยสารที่เป็นกรดอ่อน ๆ ไม่ได้ทำให้ผิวหนังลอกหรือขจัดน้ำมันออกจากผิวได้มากนัก แต่การผลัดเซลล์ผิวเป็นการเอาผิวหนังที่ตายแล้วออก ทำให้ผิวของเราได้รับการบำรุงได้อย่างเต็มที่ ผลิตภัณฑ์ขัดผิวบางอย่างสามารถกักเก็บความชุ่มชื้นบนผิวหนังได้ ไม่ต้องใช้บ่อย ให้ใช้เพียงแค่อาทิตย์ละครั้งสำหรับผิวแห้ง เพื่อให้ผิวค่อย ๆ ปรับสภาพ และอย่าลืมทาครีมบำรุงที่เน้นเรื่องของความชุ่มชื้นเป็นหลักด้วย
สำหรับคนที่มีผิวขาดน้ำอาจเป็นเรื่องยากเล็กน้อย แต่ข้อดีของมันคือสามารถรักษาได้ แต่จะออกไปข้างนอกบ้านต้องระวังตัวเองให้ดี โควิด ลดความเสี่ยง สิ่งที่สาว ๆ ควรทำคือ ให้เน้นไปที่การบำรุงและใช้ผลิตภัณฑ์ตามสภาพผิว เนื่องจากผิวที่ขาดน้ำเกิดจากผิวหนังทำงานผิดปกติ การใช้มอยส์เจอไรเซอร์ซ่อมแซมผิวจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แนะนำผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารที่ให้ความชุ่มชื้นและผ่อนคลาย เช่น ไฮยาลูโรนิกและเซราไมด์ นอกจากนี้ การปกป้องผิวจากแสงแดดยังเป็นสิ่งจำเป็นมาก ๆ เมื่อต้องรับมือกับผิวขาดน้ำ

ครีมบำรุงผิว กันดะ มีวางจำหน่ายแล้วทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลและเลือกซื้อสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/pg/kandabeauty.company/
website : Kandabeauty.com