โควิด ลดความเสี่ยง ป้องกันปลอดภัยการติดเชื้อไวรัส
ประเทศไทยตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 ที่ผ่านมา มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส “โคโรนาสายพันธ์ุใหม่” โควิด ลดความเสี่ยง ป้องกันปลอดภัยการติดเชื้อไวรัส ทุกคนตั้งการ์ดสูง เพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาด “โควิด-19” ระลอกใหม่ ดังนั้นวิธีการป้องกันตัวเองที่ดีที่สุดก็คือ ไม่ต้องออกนอกบ้าน สำหรับธุระจำเป็นที่จะต้องออกนอกบ้าน ต้องล้างมือบ่อยๆ ด้วยเจลแอลกอฮอล์ หรือล้างน้ำพร้อมฟอกสบู่ทุกครั้ง และล้างบ่อยๆ เท่าที่ทำได้
อีกอย่างหนึ่งที่สามารถป้องกันตัวเองจากโควิดได้ นั่นคือ การหลีกเลี่ยงสถานที่แออัด นอกจากจะทำให้ตัวเองปลอดภัยแล้ว ยังทำให้คนอื่นๆ ปลอดภัยจากเชื้อไวรัสด้วยเช่นกัน อีกทั้งหาก “ใช้ชีวิตนอกบ้าน” เพื่อออกไปซื้อข้าวของจำเป็น ก็ต้องหลีกเลี่ยงการหยิบจับ “จุดสัมผัสร่วม” เช่น ลูกบิดประตู กลอนล็อกห้องน้ำ ปุ่มกดลิฟท์ ราวบันได ม้านั่งสาธารณะ ห่วงจับบนรถเมล์ ที่ขับรถเข็นในห้างฯ เป็นต้น หากเป็นไปได้ให้ทำความสะอาดพื้นผิวนั้นๆ ก่อนใช้งาน หรือพยายามสัมผัสให้น้อยที่สุด และใช้จ่ายเงินผ่านระบบออนไลน์ หลีกเลี่ยงการจับเงินสด
เมื่อเราจำเป็นต้องออกไปใช้ชีวิตนอกบ้าน นอกจากต้องสวมหน้ากาก อยู่ห่าง ล้างมือบ่อยๆ แล้ว อีกอย่างหนึ่งที่ต้องฝึกทำควบคู่กันไปด้วย ก็คือ อย่าเอามือมาจับใบหน้า หรือขยี้ตา เพราะอาจมีบางช่วงเวลาที่เราเผลอไปสัมผัสพื้นผิวตามที่ต่างๆ ร่วมกับคนอื่น แล้วไม่ได้ล้างมือ ก็อาจจะทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายผ่านดวงตา จมูก และปากได้ ดังนั้นใครที่ชอบเอามือจับหน้า แกะสิว ขยี้ตา ใช้มือเท้าคาง ฯลฯ ก็ต้องฝึกตัวเองใหม่ คันแค่ไหนก็ห้ามเกา ต้องไปล้างมือก่อนจับใบหน้าทุกครั้ง
วิธีที่จะช่วยเซฟตัวเองให้ปลอดภัย ลดการติดเชื้อไวรัส จาก COVID-19
1. เตรียมอุปกรณ์ป้องกันตัวจาก COVID-19 พร้อมไว้ไม่กังวล
แน่นอนว่าการออกจากบ้านคือความเสี่ยง ดังนั้นเราจึงต้องเตรียมอุปกรณ์ป้องกันตัวจาก COVID-19 ให้พร้อม ซึ่งหลายคนก็น่าจะทราบกันดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นหน้ากากอนามัยแบบผ้าที่ช่วยป้องกันสารคัดหลั่งจากผู้อื่นได้ เจลล้างมือที่มีส่วนผสมของแอลกอฮออล์ 70% ขึ้นไปเท่านั้น แต่เราอยากจะบอกว่าช่วงต้นเดือนเมษายนหน้าร้อนแบบนี้ เราก็ควรจะพกอุปกรณ์กันแดดอย่างร่มกัน UV แว่นกันแดด และทาครีมกันแดดเอาไว้ให้พร้อมด้วยอีกอย่างนึงก็จะเป็นการดี
ที่สำคัญนอกเหนือจากอุปกรณ์แล้ว ทุกคนก็ควรจะปรับพฤติกรรมบางอย่างเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อของตัวเราเองด้วย ไม่ว่าจะเป็นการหมั่นล้างมือให้บ่อย (ด้วยวิธีการที่ถูกต้อง) หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสิ่งของที่ใช้ร่วมกับผู้อื่น ลดการเอามือไปสัมผัสกับใบหน้า เป็นต้น
2. อย่าลืมทำ Social Distancing ถึงจะห่างไกล แต่ปลอดภัยระหว่างกัน
ไม่ต้องกังวลว่าคนอื่นจะหาเราว่าเย็นชา เพราะตอนนี้ไม่ว่าใครก็ต้อง “ทิ้งระยะ” (Social Distancing) ให้ห่างกันเอาไว้ก่อน เพราะไวรัส COVID-19 นั้น จะติดต่อได้ผ่านสารคัดหลั่งที่ออกมาจากร่างกาย อย่างเช่น น้ำมูก เสมหะ และน้ำลายที่ไอจามออกมาในระยะ 1-2 เมตร ดังนั้นให้พยายามรักษาระยะห่างจากคนอื่นๆ ในสังคมให้มากกว่า 2-3 เมตรถ้าเป็นไปได้
3. ถ้าเป็นไปได้ให้หลีกเลี่ยงระบบขนส่งสาธารณะที่ทิ้งระยะห่างกับคนอื่นได้ยาก
สืบเนื่องจากการทำ Social Distance ในข้อที่สอง ดังนั้นจะเป็นการดีกว่าหากเราเลือกที่จะเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเป็นหลักในช่วงนี้ เพราะการเลือกเดินทางด้วยรถไฟฟ้าหรือรถสาธารณะอื่นๆ นั้น จะเป็นเรื่องยากในการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการต้องอยู่ใกล้กับผู้อื่น หรือต้องสัมผัสกับอุปกรณ์สาธารณะอย่าง ราวจับ ห่วงจับ และเสาสำหรับยืน
4. เก็บประวัติการเดินทางของเราให้ดี เช็กความเสี่ยงย้อนหลังได้ทุกเวลา
นี่อาจเป็นเรื่องที่หลายคนไม่ได้ใส่ใจ แต่จะบอกว่าทุกครั้งที่คุณออกเดินทางไปไหนก็ตามในช่วงเวลาที่ไวรัส COVID-19 กำลังระบาดแบบนี้ การเก็บบันทึกประวัติการเดินทางเอาไว้ว่าตัวคุณได้มีการใช้เวลาไปกับสถานที่ใด หรือมีโอกาสเสี่ยงที่จะไปสัมผัสกับผู้คนในตำแหน่งใด จะมีความสำคัญมากสำหรับทั้งตัวของคุณเอง ที่สามารถเช็กย้อนหลังจากข่าวสารการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส COVID-19 ได้ว่าคุณพาตัวเองไปอยู่ ณ จุดเสี่ยงหรือเปล่า รวมถึงยังเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นที่สามารถเช็กตำแหน่งของคุณได้หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน
ซึ่งการเก็บประวัติการเดินทางนี้ไม่ใช่เรื่องยากเลย โดยเฉพาะคนที่ใช้งานแอปพลิเคชัน Google Map เป็นประจำ คุณก็สามารถเลือกให้ตัวแอปฯ เก็บข้อมูลการใช้งานเอาไว้ได้อย่างละเอียด และสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้เพียงเข้าไปที่เมนู Account Profile จากนั้นเลือก “ข้อมูลของคุณในแผนที่” และไปที่เมนู “ประวัติตำแหน่ง” เท่านี้คุณก็สามารถตรวจสอบสถานที่ย้อนหลังได้ทุกเมื่อ
5. ทำประกัน COVID-19 เตรียมไว้ให้พร้อมถ้าไม่ชัวร์ ไม่ต้องกลัวถ้าเข้ารักการรักษา
เพราะการเดินทางย่อมต้องมาพร้อมกับความเสี่ยง ถึงเราจะป้องกันตัวเองเป็นอย่างดีแต่อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้นการตัดสินใจทำประกันสุขภาพที่มีความคุ้มครองครอบคลุมการรักษากรณีติดเชื้อไวรัส COVID-19 เอาไว้ก่อนถือเป็นความคิดที่ถูกต้อง เพราะแม้ว่าภาครัฐจะมีสวัสดิการด้านค่ารักษามอบให้กับทุกคน แต่หากมองว่าถ้าสถานการณ์เกิดวิกฤติจนทำให้โรงพยาบาลไม่มีเตียงรองรับผู้ป่วยได้เพียงพอขึ้นมา คุณก็ยังสามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชนได้โดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษาจนเกินไป
อย่างไรก็ดี ทางเลือกที่ดีที่สุดในสถานการณ์วิกฤติช่วงนี้นั่นก็คือต้องหลีกเลี่ยงการเดินทางออกไปนอกบ้าน พก
แอลกอฮอล์ และการสัมผัสกับผู้อื่นให้ได้มากที่สุดหากไม่จำเป็นจริงๆ ซันเดย์เชื่อว่าหากเราร่วมมือกันลดความเสี่ยงและป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส COVID-19 ให้ได้มากที่สุดตั้งแต่ตอนนี้ เราทุกคนก็จะสามารถผ่านวิกฤตินี้ไปได้อย่างปลอดภัยในอนาคตอันใกล้แน่นอน
ดูแลตัวเองให้ปลอดภัยจาก “COVID-19”
- งดเว้นการเดินทางไปในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคในขณะนั้น
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน แออัด ในระหว่างเดินทางในต่างประเทศ
- หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการไอ หรือจาม
- หลีกเลี่ยงการเดินตลาดค้าสัตว์ที่มีชีวิตอยู่ หรือการสัมผัสกับสัตว์ป้า โดยเฉพาะสัตว์ที่ป่วย
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ไม่สุกหรือสัตว์ป่า
- ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น เช่น แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว เพราะอาจมีเชื้อก่อโรคทางระบบหายใจที่เข้าสู่ร่างกาย
- ได้จากการสัมผัสสารคัดหลั่งที่ตกค้างอยู่
- หากต้องไปในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีผู้คนหนาแน่น ให้สวมใส่หน้ากากอนามัย
- หมั่นล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำกับสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจล และไม่สัมผัสหน้าโดยไม่ล้างมือ

อย่างไรก็ดีหากผู้ที่มีการงานต้องปฏิบัตินอกบ้าน ไม่สามารถ Work Form Home ได้ หรือมีเหตุจำเป็นต้องออกไปทำธุระ ต้องเดินทางไปตามสถานที่ต่าง ๆ หากไม่สามารถล้างมือด้วยน้ำหรือสบู่ได้ทันที ควรพกเจลทำความสะอาดมือที่มีส่วนผสมของ
แอลกอฮอล์ และควรใช้บ่อยครั้งเมื่อสัมผัสอุปกรณ์ในที่ส่วนรวม เพราะเชื้อไวรัสโคโรน่า สามารถอาศัยอยู่บนพื้นผิวพลาสติกและเหล็กได้นานถึง 72 ชั่วโมง การพกเจลทำความสะอาดมือเป็นสิ่งหนึ่งที่ง่ายและทุกคนสามารถทำได้เพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส
สรุปวิธีป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนา
-
หมั่นล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและน้ำสบู่ หรือแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือ
ออกจากบ้าน ควรพกหน้ากากอนามัยหรือจะเป็น Face Shield รวมทั้งเจลหรือสเปรย์แอลกอฮอล์ติดตัวเสมอ
-
ไม่นำมือไปสัมผัสตา จมูก ปาก โดยไม่ล้างมือ
หลีกเลี่ยงการสัมผัสตา จมูก และปาก ถ้ารู้สึกคันใบหน้าให้ใช้ผ้าเช็ดหน้าถูหรือเช็ดเบา ๆ ตรงที่คัน หากเกิดจามใช้ผ้าปิดจมูกและปากไว้ อย่าบีบจมูกเม้มปากเพื่อกลั้นการจาม อาจเป็นผลเสียต่อร่างกาย ลมภายในตีย้อนกลับเข้าสมองได้
-
หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด หรือมีมลภาวะ และไม่อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยไอจาม หากเลี่ยงไม่ได้ให้สวมหน้ากากอนามัย
การเว้นระยะห่างทางสังคม (Social distancing) จำเป็นมาก ลดโอกาสการสัมผัสระหว่างคน และควรเผื่อเวลาการเดินทางอย่างน้อย 30-60 นาที ชดเชยกับการเสียเวลารอต่อแถวขึ้นระบบขนส่งมวลชนที่ต้องเว้นระยะห่าง
-
หลีกเลี่ยงการเดินตลาดค้าสัตว์ที่มีชีวิตอยู่ หรือการสัมผัสสัตว์ป่า โดยเฉพาะสัตว์ที่ป่วย
-
หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ปรุงไม่สุก หรือสัตว์ป่า
-
หลีกเลี่ยงการเดินทางไปในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค
-
หลังจากเดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยงถึงประเทศไทย ให้สังเกตอาการภายใน 14 วัน หากมีอาการ ไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ หายใจหอบเหนื่อย ให้ล้างมือ สวมหน้ากากอนามัย และรีบไปพบแพทย์ทันที
นอกจากนนี้ ยิ่งถ้าเวลาเมืองไทยอากาศร้อนมากๆ แถมยังอบอ้วน ยิ่งส่งผลกระทบต่อ ปัญหาผิว
สิวผด ปัญหากวนใจ ร่างกายมีการสร้างเหงื่อและน้ำมันออกมาจากผิวมากขึ้น ทำให้ยิ่งอับชื้นมากขึ้น ฝุ่นละอองก็มาเกาะง่ายขึ้น แบคทีเรียก็จะมีการเพิ่มจำนวนและเติบโตขึ้นที่รูขุมขนมากขึ้น ทำให้เกิดสิวทั้งอุดตันและอักเสบตามมาได้ง่ายขึ้น