สิว รอยแผลเป็น ปัญหากวนใจ วิธีการดูแลรักษาให้ผิวหน้าใส

สิว รอยแผลเป็น ปัญหากวนใจ วิธีการดูแลรักษาให้ผิวหน้าใส

สิวเป็นสิ่งที่เราห้ามไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นมาจากมลภาวะทางอากาศที่เราเจอกันทุกวัน ความเครียดจากการทำงาน หรือฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงจึงทำให้เกิดปัญหาสิว สิว รอยแผลเป็น ที่แถมทิ้งไว้หลังจากที่สิวหายไปแล้ว แต่ก็ทิ้งร่องรอยเป็นจุดต่างๆบนหน้า ทั้งรอยดำรอยแดง และแผลเป็นจากสิว ที่เกิดจากสิวอักเสบหรือสิวหัวหนอง  นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่ทำให้รอยแผลเป็นจากสิวเข้มขึ้น นั้นคือ แสงแดดที่มีส่วนทำให้รอยสิวเข้มขึ้นนั้นเอง

สิว เป็นอาการอักเสบของผิวหนัง ซึ่งเกิดจากการอุดตันของรุขุมขน ทั้งเส้นขน สิ่งสกปรก เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว เครื่องสำอาง และไขมัน เมื่อสิ่งเหล่านี้ติดค้างอยู่ใต้ผิว ก็จะเกิดการติดเชื้อของแบคทีเรียขึ้น แต่ในบางกรณี สิว ก็อาจจะเกิดจากความไม่สมดุลของฮอร์โมน การรับประทานอาหารไม่ถูกสุขลักษณะ การไม่ดูแลรักษาความสะอาด และความเครียด เป็นต้น

สิว รอยแผลเป็น

มารู้จักกับ “แผลเป็นจากสิว”

ใครว่าสิวเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ สำหรับคนรักสวยรักงาม ขอบอกเลยว่าไม่ใช่แค่เรื่องเล็ก ๆ แน่นอน เพราะถ้าหากดูแลรักษาสิวได้ไม่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิวอักเสบ ก็อาจจะเกิดเป็นรอยลึกของแผลเป็นจากสิวฝากเอาไว้บนใบหน้าให้ช้ำใจได้

ก่อนอื่นต้องมาทำความเข้ากันก่อนว่ารอยแผลเป็นจากสิวนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร นั่นก็คือ เกิดจากการอักเสบของสิว โดยไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งใครชอบไปแกะ ไปเกา หรือบีบสิวก็ยิ่งจะทิ้งรอยเอาไว้ ซึ่งจะมีอยู่ 3 แบบ คือ

  • แบบหลุมสิว ซึ่งเกิดได้จากการทำลายเนื้อเยื่อคอลลาเจนในชั้นหนังแท้จนทำให้เกิดรอยบุ๋ม
  • แบบเนเนื้อนูน ที่เกิดจากการทำลายเนื้อเยื่อในชั้นหนังแท้ แต่มีการซ่อมแซมของผิวมากกว่าปกติจนทำให้เกิดเป็นเนื้อนูนขึ้น และ
  • แบบรอยแดงหรือการเปลี่ยนแปลงของสี

ซึ่งตามธรรมชาติแล้วเมื่อร่างกายได้รับการบาดเจ็บอันตราย ก็จะนำไปสู่การซ่อมแซมของผิวหนัง การซ่อมแซมนั้นจะเริ่มตั้งแต่การห้ามเลือดจากบาดแผลไปจนถึงการสร้างคอลลาเจนใหม่ที่แข็งแรงใต้ผิว และกลายเป็นแผลเป็นที่สมบูรณ์ ซึ่งกินเวลาทั้งสิ้นประมาณ 1 ปี บางรายก็เป็นแผลเป็นนูน ส่วนบางรายก็เป็นแผลเป็นที่ลึกลงไป ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญในการหายของบาดแผลว่าสมบูรณ์หรือไม่ ขึ้นอยู่กับความลึกของบาดแผล ตำแหน่งที่เกิดบาดแผล สาเหตุการเกิดบาดแผล ปัจจัยจากการเย็บแผล การดูแลรักษาแผล เป็นต้น ส่วนวิธีที่ใช้ในการรักษาและผลของการรักษาก็ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของแผลเป็นหลัก

วิธีการรักษาสิวอุดตันโดยใช้กลุ่มยารักษาสิวอุดตันชนิดทา หรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการรักษาสิวอุดตัน จะต้องมีฤทธิ์ที่ช่วยสลายการอุดตันในต่อมไขมันชะลอการหลั่งน้ำมันส่วนเกินได้ หรือมีสารสำคัญที่มีฤทธิ์เร่งการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกร่วมกับการประเมินความรุนแรงของสิว เพราะหากใช้การดูแลรักษาที่รุนแรงเกินไป จะยิ่งทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง และกระตุ้นให้สิวกระหน่ำความรุนแรงขึ้นมาได้

อย่างไรก็ตาม เราสามารถกำจัดสิวได้หลายวิธีทั้งการใช้ครีม การใช้ยา แต่ทั้งนี้ จะสามารถกำจัดได้มากน้อยแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับสภาพผิว การขยายวงของการอักเสบ และระบบภูมิคุ้มกันของแต่ละคน และเมื่อกำจัดสิวแล้ว หลายคนก็ยังปัญหาสรอยแผลเป็น และรอยดำ ที่เกิดจากสิว ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราสามารถดูแลได้ ด้วยผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ เลือก เจลแต้มสิว ที่เป็นมีส่วนผสมจากธรรมชาติ

10 วิธีรักษาแผลเป็นจากสิว สู่ผิวหน้ากระจ่างใส แบบง่ายๆ

  1. ป้องกันไม่ให้เกิดสิวเมื่อเป็นสิวอักเสบ คุณควรรีบรักษาให้หายโดยเร็วที่สุด ในระหว่างที่เป็นสิวไม่ควรแกะหรือบีบสิวโดยเด็ดขาด เพราะจะยิ่งทำให้สิวอักเสบมากขึ้น หายช้าลง และอาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นหลังจากสิวหายได้ และไม่ควรล้างหน้า เช็ดหน้า ขัดถูหน้า หรือรบกวนใบหน้ามากจนเกินไป หันมาเลือกใช้สบู่อ่อน ๆ งดเว้นการใช้เครื่องสำอางหรือครีมที่เหนียวเหนอะหนะ เพราะจะมีโอกาสกระตุ้นการเกิดสิวได้ ฯลฯ
  2. การใช้ยาทาในรูปแบบต่าง ๆยารักษาแผลเป็นจากสิวไม่ว่าจะเป็นการแต้มกรด TCA, การใช้กรดวิตามินหรือยาในกลุ่มอนุพันธ์ของวิตามินเอ อย่าง Retin A เพื่อช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน และการลอกผิวด้วยกรดผลไม้อย่าง AHA, BHA, PHA เพื่อทำให้เซลล์ผิวหนังด้านบนหลุดออกและเกิดการซ่อมแซม ก็ช่วยทำให้หลุมสิวและรอยแผลเป็นจากสิวดูดีขึ้นได้
  3. การทำไอออนโต(Iontophoresis) เป็นการอาศัยหลักการผลักยาเข้าสู่ผิวชั้นในด้วยกระแสไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวตึงขึ้น แผลเป็นดูดีขึ้น
  4. การฉีดยาสเตียรอยด์เป็นการรักษาแผลเป็นนูนด้วยการฉีดยาสเตียรอยด์และยาต้านการเจริญของพังผืด โดยแพทย์จะฉีดยาเข้าไปใต้ตำแหน่งของแผลเป็น ซึ่งจะช่วยให้แผลเป็นนั้นแบนราบลงได้ แต่อาจจะต้องทำหลายครั้ง เมื่อแผลเป็นยุบแล้ว ก็อาจต้องทำเลเซอร์ซ้ำอีกเพื่อให้ผิวเรียบเนียนยิ่งขึ้น
  5. การฉีดฟิลเลอร์สำหรับรอยแผลเป็นจากสิวที่เป็นร่องลึกจนกลายเป็นหลุมสิว คุณสามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มชั้นผิวหนังให้กลับมาเรียบเนียนเหมือนเดิม ซึ่งสารที่นิยมนำมาใช้ฉีดมักจะเป็นคอลลาเจนและไฮยารูรอนิก เอซิด (Hyaluronic Acid) แม้ว่าจะให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นทันตา แต่ก็ยังไม่ใช่วิธีการรักษาที่ได้ผลถาวร เพราะเมื่อฟิลเลอร์ที่ฉีดสลายไป รอยหลุมสิวก็จะปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง จึงต้องทำการฉีดซ้ำเรื่อย ๆ ทุก ๆ ประมาณ 6-12 เดือน
  6. การกรอผิวด้วยเกล็ดอัญมณี(Microdermabrasion – MD) โดยใช้ผลึกอัญมณีขนาดเล็กเข้าไปช่วยขัดเกลาผิวชั้นนอกสุดให้หลุดออก เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวตึงขึ้นและแผลเป็นก็ดูดีขึ้น
  7. การทำไอพีแอล(Intense Pulsed Light – IPL) เป็นการใช้อานุภาพของแสงความเข้มสูงที่สามารถทะลุทะลวงผ่านขอบเขตของชั้นหนังกำพร้า เข้าไปจนถึงชั้นหนังแท้ โดยไม่เป็นอันตรายกับผิว เพื่อเป็นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนทำให้ผิวตึงขึ้น แผลเป็นดูดีขึ้น แต่ต้องทำอย่างต่อเนื่องทุก ๆ 2 สัปดาห์ และต้องทำขั้นต่ำประมาณ 3-4 ครั้ง จึงจะเห็นผล
  8. การใช้เลเซอร์เป็นอีกวิธีที่ช่วยกำจัดรอยแผลเป็นจากสิวอย่างทันใจ ซึ่งเลเซอร์ที่ว่าอาจเป็นเลเซอร์กำจัดรอยสิวธรรมดา ๆ ที่ช่วยผลัดเซลล์บริเวณที่เป็นรอยอย่างล้ำลึกและหมดจดมากขึ้น หรืออาจเลือกทำด้วยเครื่อง Fractional Laser หรือ Fraxel® Laser ซึ่งเป็นวิธีการรักษารอยดำจากสิวรวมทั้งรอยแผลเป็นได้ สามารถแก้ปัญหารอยหลุมสิวได้อยู่หมัด แต่การทำเลเซอร์อาจมีข้อจำกัดบางประการและต้องทำซ้ำหลายครั้งจึงจะเห็นผลที่ชัดเจน ซึ่งก็แล้วแต่ดุลยพินิจของแพทย์ผิวหนังครับ
  9. การผ่าตัดรอยแผลเป็นจากสิวในกรณีที่แผลเป็นจากสิวเป็นหลุมลึกและมีขนาดใหญ่ คุณอาจต้องรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดเอารอยแผลนั้นออกไปจากใบหน้า แต่คุณต้องคำนึงถึงโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำของแผลนูน เนื่องจากจะเป็นการทำให้เกิดแผลเย็บใหม่ ซึ่งวิธีนี้ค่อนข้างมีความเสี่ยงอยู่พอสมควร แถมราคาก็แพงไม่เบาเลยล่ะ จึงขอแนะนำให้ใช้เป็นตัวเลือกสุดท้าย แต่ถ้าหากต้องการกำจัดรอยสิวมาก ๆ และแพทย์ผิวหนังก็เห็นด้วยกับการผ่าตัด กรณีนี้คงไม่น่ากังวลสักเท่าไร
  10. ครีมลดรอยแผลเป็นจากสิวที่มีขายทั่วไป ซึ่งมีส่วนผสมของวิตามินอี วิตามินซี อาร์บูติน กรดโคจิก ฯลฯ แต่การรักษาด้วยวิธีนี้อาจต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควร ถ้าหากไม่ดีขึ้นคงต้องปรึกษาแพทย์ผิวหนังโดยตรงแล้วล่ะ อย่างยี่ห้อที่นิยมใช้อย่าง เจลแต้มสิว กันแล้วได้ผลดีก็มียี่ห้อ KANDA Camu Camu Acne Gel กันดะ เจลแต้มสิว คามูคามู วิตามินสูง 60เท่า ลดอักเสบ สิวอุดตัน สิวหนอง สิวหัวช้าง ยุบเร็ว แห้งไว สิวยุบหายใน 1 วัน ปลอดภัย 100% ทาหน้า ทาหลัง

KANDA Camu-Camu Acne Gel is Acne Care Solution with Camu-Camu Extract which contain high Vitamin C. The Treatment is suitable for stubborn blemishes such as pustules acne, nodules acne, cysts acne. Decreasing redness and swelling. Prevent further acne inflammation and scarring. KANDA Camu-Camu Acne Gel is paraben free and suitable for all skin type. กันดะ คามูคามูแอคเน่เจล เป็นเจลแต้มสิว มีส่วนผสมของสารสกัดคามูคามู ที่เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งซึ่งได้ชื่อว่า เป็นสุดยอดผลไม้ มีผลการวิจัยทางการแพทย์ยืนยันว่าเป็นแหล่งของวิตามินซีสูงสุด ในบรรดาผลไม้ทั้งหมด มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลิอิสระและต้านการอักเสบ จึงลดการอักเสบของสิว โดยเฉพาะสิวหนอง สิวด้าน สิวหัวช้าง ไม่มีส่วนผสมของพาราเบน จึงปลอดภัยต่อทุกสภาพผิว

แม้ในปัจจุบันจะมีเทคโนโลยีในการรักษาใหม่ ๆ ที่ทำให้เกิดผลข้างเคียงน้อยลงและให้ผลการรักษาที่ดีขึ้น แต่ผลของการรักษาก็ยังมีข้อจำกัด จึงทำให้การรักษาแผลเป็นอาจต้องใช้การรักษาหลาย ๆ วิธีร่วมกัน และแผลเป็นที่มีความลึกหรือแผลที่มีการทำลายของรูขุมขนจะไม่สามารถรักษาให้หายได้ 100% ผู้ป่วยจึงควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการเลือกวิธีการรักษา

นอกจากนี้เนื่องสถานการณ์โควิดที่เป็นแพร่ระบาดไปทั่วโลก ส่งผลทำให้เราต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย และต้องพกเจลแอลกอฮอ์ การฆ่าเชื้อ โควิด แอลกอฮอล์จัดเป็นสารฆ่าเชื้อที่มีประสิทธิภาพแต่ฤทธิ์ในการทำลายเชื้อ เพื่อการฆ่าเชื้ออย่างทีประสิทธิภาพควรเลือก แอลกอฮอล์ที่มีส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพในการทำลายเชื้อได้ดีเมื่อมีความเข้มข้น 60-90% โดยปริมาตรในน้ำ (%v/v)


กันแดด กันดะ มีวางจำหน่ายแล้วทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลและเลือกซื้อสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/pg/kandabeauty.company/
website : Kandabeauty.com