มารู้จัก ครีมกันแดด ประโยชน์ในการปกป้องผิวสู้แดด
แสงแดดในเมืองไทย บอกได้เลยว่า อันตรายมากกกแสบผิวสุดๆ ผิวคล้ำเสีย หากไม่อยากมีปัญหาผิวฝ้ากระ ต้องทาครีมกันแดด มารู้จัก ครีมกันแดด พร้อมประโยชน์ในการปกป้องใบหน้าของคุณให้สวยใส ไร้ผิวหมองคล้ำ ยอมรับว่าครีมกันแดดทาหน้าในปัจจุบันมาพร้อมกับส่วนผสมที่หลากหลายให้เลือกใช้ ไม่ว่าจะใส่สารสกัดในการทำลายล้างเจ้าริ้วรอยตัวดี มีสรรพคุณเพื่อป้องกันการเกิดรอยฝ้ากระ เพราะปัญหานี้ช่างเป็นปัญหาโลกแตกหากใครได้เจอกับตัว ซึ่งในครีมกันแดดแต่ละตัวก็จะมีความแตกต่างในเรื่องของคุณสมบัติป้องกันผิวต่างๆ
รู้หรือไม่ลักษณะของครีมกันแดดที่ดีมีอะไรบ้าง?
“อย่าลืมทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านทุกวัน” เป็นคำแนะนำที่เรามักจะได้ยินกันเป็นประจำใช่มั้ยคะ แต่เอ๊ะ! ทาเป็นประจำทุกวันแล้ว จะรู้ได้อย่างเราว่าครีมกันแดดที่เราใช้อยู่นั้นดีจริงและปกป้องผิวเราจากแสงแดดได้จริงๆ?
ก่อนซื้อทุกครั้งสาวๆต้องศึกษาและอ่านสรรพคุณของครีมกันแดดให้ดีนะคะว่ามีคุณสมบัติตามที่จะกล่าวต่อไปนี้หรือเปล่า ถ้ามีครบทุกข้อแล้วก็ดีใจด้วยค่ะคุณเจอครีมกันแดดที่ปกป้องผิวของคุณจากแสงแดดได้แล้ว
คุณสมบัติของครีมกันแดดที่ดี
- ในครีมกันแดดที่ดีโดยทั่วไปจะมีคุณสมบัติดูดซึมแสงยูวี แล้วเปลี่ยนเป็นพลังงานที่ไม่เป็นอันตรายต่อผิว และควรมีคุณสมบัติข้ออื่นๆอีก ได้แก่
- สามารถกรองแสงได้ทั้ง ยูวีเอ และ ยูวีบี เพราะเป็นรังสีที่ทำให้ผิวหมองคล้ำและเกิดการเผาไหม้จากแสงแดดได้
- ซึมลงสู่ผิวหนังได้ดี ไม่ใช่เคลือบผิวเอาไว้เฉยๆ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจะทำให้เนื้อครีมหลุดหลอกออกได้ง่าย และไม่สามารถปกป้องแสงแดดได้ยาวนาน
- ไม่หลุดลอกง่ายเมื่อโดนน้ำและเหงื่อ คือ สามารถใช้ได้ในทุกกิจกรรม แต่บางครั้งเราทาครีมกันแดดแล้วไปเล่นกิจกรรมทางน้ำ อาจจะมีครีมหลุดลอกได้บ้าง แต่ควรในปริมาณที่เล็กน้อย เพื่อยังสามารถป้องกันแสงแดดได้อยู่เมื่อเจอกับน้ำ
- เนื้อครีมกันแดดจับกับผิวได้ดี ทำให้ป้องกันผิวหมองคล้ำได้ และที่สำคัญไม่ต้องทาบ่อย จะได้ไม่เปลืองครีมกันแดดด้วย
- โยนต่อผิว ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง โดยเฉพาะผิวในวันสาวที่อาจเกิดการอุดตันและสิวขึ้นได้ง่าย ดังนั้นควรเป็นครีมที่ปลอดภัยต่อผิวและไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงหลังจากทาแล้ว
- เพอร์เฟค ซันสกรีน โพรเทคชั่น SPF50+ PA +++
ตอบโจทย์ได้ทุกข้อที่กล่าวมาข้างต้น เพราะเป็นครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงถึง 50 ทำให้ปกป้องผิวได้อย่างยาวนาน เนื้อครีมซึมลงสู่ผิวได้ดีจึงไม่ทิ้งความมันและความเหนียวเหนอะหนะไว้ให้รำคาญใจ และที่สำคัญอ่อนโยนต่อผิวมาก แม้แต่เด็กก็สามารถใช้ได้ เรียกได้ว่าใช้ได้ทั้งครอบครัว
ทำความเข้าใจกับ SPF ในครีมกันแดด
- 1.ผู้ที่แน่ใจว่าตนเองแพ้แดดมากๆ โดยคิดว่า ถ้าตัวเองยืนตากแดดที่เวลา 13.00 น.บริเวณริมชาดหาด กลางเดือนเมษายน โดยไม่มีอะไรปกปิดผิว ทำให้ผิวแดง ก่อน 5 นาที ?
- ถ้าแบบนั้นแนะนำให้ใช้ครีมกันแดดที่ค่าเอสพีเอฟสูงกว่า 30
- 2.ผู้ที่ต้องตากแดดที่เวลา 13.00 น.บริเวณริมชาดหาด กลางเดือนเมษายน โดยไม่มีอะไรปกปิดผิว เกิน 2.5 ชั่วโมง
- 3.ผู้ที่เล่นกีฬาทางน้ำ
ใช้ครีมที่ SPFสูงๆ แล้วทำไมยังผิวคล้ำอยู่
ขึ้นกับหลายปัจจัย
- ชนิดของสารกันแดด
1.1สารกันแดดชนิดเคมี ค่าเอสพีเอฟสูงแค่ไหนก็เสื่อมสลายใน 2 ชั่วโมง และทำงานหลังการทา 30 นาที
1.2สารกันแดดชนิดฟิสิคอล ค่าเอสพีเอฟจะคงที่หรือไม่ขึ้นกับการเกาะติดกับผิว - ความเสถียรของสารกันแดด
2.1สารกันแดดชนิดเคมี บางชนิดมีค่าความเสถียรต่ำ แม้ยังไม่ใช้งาน แต่ระยะเวลาการวางขายนาน ค่าเอสพีเอฟจะลดลงเรื่อยๆจนแทบไม่มีประโยชน์ และความไม่เสถียรนี้ยังมีผลเสียต่อผิว ทำให้เกิดอนุมูลอิสระและความร้อนที่ผิว ก่อให้เกิดการระคายเคือง หมองคล้ำ และริ้วรอย มากขึ้น (กว่าการไม่ทาครีมกันแดดเสียอีก) - ความสามารถในการกันน้ำ กันเหงื่อ ครีมที่ไม่กันน้ำ ขณะทีเราตากแดดย่อมละลายไปกับเหงื่อ จึงไม่สามารถปกป้องผิวได้ นอกจากนั้นยังทำให้เมคอัพไม่ติดหน้า ไหลเยิ้ม ไม่สวยงาม
-
ครีมกันแดดที่ดีควรมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ดี ควบคู่กัน เนื่องจากการปกป้องผิวจากรังสียูวีเอ ยูวีบี และ ยูวีซีแล้ว ในแสงแดดยังมีรังสีแสงสว่าง รังสีความร้อน ทำให้ผิวเกิดอนุมูลอิสระและความร้อนขึ้นพร้อมๆกัน
ครีมกันแดด ทำไมต้อง Physical
สารกันแดดมีเพียง 2 กลุ่มที่มีกลไกลการปกป้องผิวที่แตกต่างกัน คือ
- Chemicalมีหลายชนิดบางตัวจะมีกลิ่นเฉพาะตัวทีหลายคนคุ้นเคย บางตัวก็ไม่มีกลิ่น โดยการปกป้องรังสียูวีจะใช้คุณสมบัติในการดูดกลืนรังสี UV ที่ช่วงความยาวคลื่นแตกต่างกัน แล้วแต่ชนิดของสารกันแดดตัวนั้น จึงมีสารกันแดดที่ดูดกลืนรังสี UVA รังสี UVB รวมกันหลายๆ ชนิด เพื่อให้ค่าการดูดกลืนรังสี UV ที่ครอบคลุมได้กว้าง และมีผลในการช่วยส่งเสริมกันให้สามารถดูดกลืนรังสี UVB ไว้ได้มากขึ้น ทำให้ได้ ค่า SPF ที่สูงเมื่อวัดจากเครื่องวัดค่า SPFการใช้ครีมกันแดดที่มีสารกันแดดชนิดเคมีจะต้องปฎิบัติดังนี้1.ทาครีมกันแดดก่อนถูกแดด 30 นาที เนื่องจากต้องรอให้สารกรองรังสี UV พร้อมทำงาน
2.ควรทาครีมกันแดด ทุก 2 ชั่วโมง เนื่องจากสารกรองรังสี UV แม้มีความสามารถในการดูดกลืนรังสี UV ไว้มากเพียงใด แต่จะเสื่อมสลายคุณสมบัติดังกล่าวเมื่อทำงานครบ 2 ชั่วโมง แล้วคุณจะทาครีมกันแดดชนิดเคมีที่ค่า SPF สูงกว่า 12 ทำไม ?****** ตัวเลข คำนวณจาก 10 x 12(SPF)= 120 นาที หรือ 2 ชั่วโมง
3.การทาครีมกันแดดชนิดเคมีมีผลทำให้เกิดปฎิกริยา Oxidation เกิดขึ้นที่ผิวมากขึ้น ทำให้ความร้อนที่ผิวมากขึ้น จึงทำให้ผิวระคายเคือง แก่ และดำง่ายขึ้น
- Physicalเป็นสารกลุ่มแร่ธาตุที่นิยมใช้ในครีมกันแดดคือ ไทเทเนียมไดออกไซด์ และซิงค์ออกไซด์ ไม่ค่อยมีกลิ่น สารกันแดดกลุ่มนี้จะปกป้องผิวโดยการสะท้อนรังสีชนิดใดขึ้นกับขนาดของอนุภาค ชนิดของผลึก ความสามารถในการกระจายตัว และความเสถียร ความสามารถในการเกาะติดผิว ดูได้จาก1.ความวอกของครีมกันแดด ถ้าขนาดอนุภาคใหญ่จะสังเกตุได้จากความขาววอก ไม่กลมกลืนไปกับผิว แม้ระยะเวลาที่ทาจะผ่านนานแล้วก็ตาม ครีมที่มีลักษณะแบบนี้จะดูดกลืนเฉพาะรังสียูวีบี โดยทั่วไปอนุภาคควรมีขนาด 100-10 นาโนเมตร จะไม่วอกและกลมกลืนไปกับผิวหลังทาเพียงไม่นาน จึงจะมีประสิทธิภาพสูง ในการปกป้องทั้งยูวีเอ ยูวีบี
- การกระจายตัวของครีม ถ้ากระจายตัวไม่สม่ำเสมอ โอกาสที่จะปกคลุมผิวไม่ทั่วถึงทำให้ประสิทธิภาพการปกป้องผิวไม่ดี และครีมกันแดดจะต้องไม่ซึมซาบเข้าผิว ควรเคลือบปกป้องผิวที่ภายนอก ( จึงไม่ค่อยเหมาะสมนักในการบำรุงไปพร้อมกับการกันแดด)
- ผิวของอนุภาคสารกันแดดชนิด Physical ขนาดโมเลกุล 100 – 10 นาโนเมตรจะง่ายต่อการเกิดปกติกริยาออกซิเดชั่น จะทำอนุภาคสารกัดแดดกลายเป็นสีคล้ำลง อนุภาคของสารกันแดดชนิดฟิสิคอลที่ดีจึงต้องมีการเคลือบผิวหน้าด้วยสารชนิดที่มีความเฉื่อยต่อปฎิกริยาได้แก่พวกซิลิโคน จะไม่เกิดปัญหาดังกล่าว
- อนุภาคของสารกันแดดชนิดฟิสิคอลที่ดีควรมีการเกาะติดผิวที่ดี โดยภาวะการใช้งานปกติ ไม่ควรลอยขาวขึ้นอีกหลังจากถูกเหงื่อ (ยกเว้นในกรณีเล่นกีฬาทางน้ำเป็นเวลานานจะเห็นครีมกันแดดลอยขาวขึ้นมาอีกแม้เป็นสูตรกันน้ำก็ตาม จึงควรทาครีมกันแดดซ้ำทุกครั้งหลังขึ้นจากน้ำ)
เจ้าแดดตัวร้ายกับผิวหน้าสดใสเป็นของที่ต้องอยู่ห่างกัน ไกลกันมากเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะนอกจากจะเป็นตัวสร้างปัญหากับทั้งผิวหน้าและผิวกายแล้ว ยังอาจร้ายแรงจนกลายเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งผิวหนังได้อีก ซึ่งสามารถเกิดได้ทั้งแขน ขา มือ หรือใบหน้า หรือบริเวณที่ถูกแสงแดดเป็นเวลานานๆ เอาเป็นว่าป้องกันเอาไว้ก่อนจะเป็นดีที่สุด ฉะนั้นแล้วควรหาครีมกันแดดทาหน้า หรือสำหรับทาตัวมาเริ่มใช้กันได้เลย
หัวใจสำคัญของการทา ครีมกันแดด คือป้องกันแสง UV ต่างๆ รวมถึงบางผลิตภัณฑ์ยังป้องกันแสงจากจอโทรศัพท์ ซึ่งแสงเหล่านี้อาจเป็นอันตรายให้กับผิว ทั้งยังทำลายคอลลาเจนในเซลล์ผิวและเนื้อเยื่อใต้ชั้นผิว จนอาจทำให้เกิดปัญหาผิวหมองคล้ำหรือเกิดฝ้าแดดตามมานั่นเอง
ประโยชน์ของการทาครีมกันแดด
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ วันนี้มีใครลืมทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านไหมเอ่ย? เราเชื่อว่ามีทั้งคนที่ไม่ลืมทาและลืมทาแน่ๆ แล้วทำไมต้องทาครีมกันแดดล่ะ? มันมีประโยชน์ต่อผิวเรายังไง วันนี้หัวข้อที่เราจะมาพูดถึงคือครีมกันแดดค่ะ เพื่อนๆหลายคนคงทราบดีอยู่แล้วว่าครีมกันแดดส่งผลดีต่อผิวเราอย่างไรบ้าง แต่มีบางคนที่ถึงจะทราบข้อดีของครีมกันแดดอยู่แล้ว แต่ชอบลืมทาครีมกันแดดทุกทีเลย T_T (เช่นเราเป็นต้น) ครั้งนี้เลยจะมาแจกแจงเป็นข้อๆเลยล่ะว่าการทาครีมกันแดดมันจำเป็นอย่างไร เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปเริ่มอ่านกันเลย!
1. ช่วยป้องกันอันตรายจากรังสี UV
ข้อนี้เป็นข้อที่เบสิกมากๆ ที่เพื่อนๆทุกคนอาจจะทราบกันดีอยู่แล้ว รังสี UV เนี่ยเป็นรังสีที่แผ่ออกมาจากดวงอาทิตย์ โดยปกติแล้วจะมีโอโซนที่คอยกันรังสีนี้ให้เรา แต่จากที่รู้กัน สมัยนี้โอโซนก็เบาบางลงไปเรื่อยๆ ยิ่งบนดอยที่อากาศหนาวๆเนี่ย อยาได้ชะล่าใจไปเชียวล่ะ ตรงที่แบบนั้นนะรังสี UV รุนแรงมาก เข้าใจง่ายๆได้ว่ายิ่งสูงรังสี UV ก็จะยิ่งรุนแรง เป็นอันตรายต่อผิว เราจึงควรทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวโดยตรง ไม่ให้รังสี UV นี้มาทำร้ายนะคะ
2. ช่วยลดการเกิดริ้วรอยก่อนวัย
ข้อนี้บางคนอาจจะคาดไม่ถึง แต่การทาครีมกันแดดช่วยลดการเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้จริงๆค่ะ หนึ่งในขั้นตอนการดูแลผิวให้มีสุขภาพที่ดี ก็คือการทาครีมกันแดดเป็นประจำ เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ที่ไหน อย่าลืมทาครีมกันแดดเชียวนะ
3. ช่วยป้องกันผิวไหม้
ข้อนี้ก็คงเป็นอีกหนึ่งข้อที่เพื่อนๆทุกคนทราบกันดี แต่บางคนจะทาครีมกันแดดแค่ตอนที่ไปเที่ยวทะเลหรือเล่นน้ำเท่านั้น จริงๆไม่ต้องรอให้ถึงเวลาแบบนั้นก็ทาได้เลยนะคะ ปัญหาผิวไหม้แดดเกิดจากการทำกิจกรรมกลางแจ้งนานๆ ทำให้ผิวอ่อนแอลงเรื่อยๆ วิธีป้องกันง่ายๆคือหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมในที่แจ้งหรือที่ที่มีแดดจัด และควรทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวด้วยค่ะ
4. ช่วยลดความเสี่ยงเป็นมะเร็งผิวหนัง
บางคนอาจจะรู้สึกว่าแค่ไม่ได้ทาครีมกันแดดทำให้เป็นมะเร็งผิวหนังได้เลยเหรอ? ใช่ค่ะ การไม่ทาครีมกันแดดนานๆเข้าจะมีโอกาสก่อให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้ ฟังดูร้ายแรงใช่ไหมล่ะ ถึงไม่ได้แต่งหน้าก็ควรทาอยู่ดี อันตรายมากๆเลย
5. ช่วยบำรุงผิวให้แข็งแรง
ข้อนี้บางคนอาจจะเคยได้ยินมาบ้าง หรือไม่เคยได้ยินก็ตาม ครีมกันแดดสามารถทำสิ่งนี้ได้ค่ะ! ตกใจใช่ไหมล่ะ โดยครีมกันแดดจะไปปกป้องพวกโปรตีนที่สำคัญในผิวของเราไม่ให้ถูกทำลายไป ทำให้ผิวนุ่ม เรียบเนียน มีลักษณะต่างจากคนที่ไม่ทาครีมกันแดดอย่างชัดเจนเลยล่ะ
เห็นแบบนี้แล้วห้ามลืมทา ครีมกันแดด เด็ดขาดเลยนะคะ ไม่ว่าจะทำอะไร ไปที่ไหนก็ตาม เพราะครีมกันแดดไม่เพียงแต่สามารถป้องกันผิวของเราจากการโดนแสงแดดทำร้ายอย่างเดียว แต่ยังสามารถช่วยบำรุงผิวให้แข็งแรงขึ้นอีกด้วย ช่วยลดโอกาสการเสี่ยงเป็นมะเร็งผิวหนังด้วยนะ
นอกจากการท่าครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวจากรังสีญูวี เราต้องบำรุงผิวป้องกัน เทคนิค รักษาผิว ริ้วรอยคือเรื่องต้องห้ามที่ใครๆ ก็ไม่อยากพูดถึง แต่ก็ไม่สามารถเลี่ยงได้เช่นกันน้า การใช้ครีมกันแดดทาหน้าในการปกป้องที่ช่วยได้เช่นกัน เพราะตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดริ้วรอยคือความเข้มข้นจากรังสีของแสงแดด ที่ยิ่งนับวันบรรยากาศด้านนอกยิ่งเลวร้าย เพราะฉะนั้นการใช้ครีมกันแดดจะเป็นการสร้างเกราะป้องกันให้แก่ผิวได้เป็นอย่างดี
กันแดด กันดะ มีวางจำหน่ายแล้วทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลและเลือกซื้อสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/pg/kandabeauty.company/
website : Kandabeauty.com