ภัยเงียบแสงสีฟ้า ปกป้องด้วยครีมกันแดด
ครีมกันแดดสกินแคร์ที่สาวๆ ไม่ควรละเลยเด็ดขาด เพราะแสงแดดและ แสงสีฟ้าที่มาจากมือถือ แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ ที่อยู่กับเรามากกว่าวันละ 5 ชั่วโมง ถือเป็นภัยเงียบที่เราต้องเผชิญในแต่ละวัน ทั้งนี้แสงดังกล่าวจะสามารถทำร้ายผิวหน้าและผิวพรรณของเราได้อย่างมาก ภัยเงียบแสงสีฟ้า ปกป้องด้วยครีมกันแดด ดังนั้นสาวๆ ทั้งหลายควรใส่ใจและให้ความสำคัญกับครีมกันแดดมากที่สุด จะให้ดีควรเลือกพิจารณาครีมกันแดด เป็นสกินแคร์พื้นฐานอันดับแรกด้วย เพื่อปกป้องผิวหน้าไม่ให้เกิดปัญหาตามมา
ครีมกันแดด ที่เหมาะสมจะต้องมีสเปกตรัมกว้าง (Broad Spectrum) เพื่อปกป้องผิวของคุณจากรังสีจากดวงอาทิตย์ อย่าง UVA และ UVB ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งหากคุณได้รับรังสียูวีทั้ง 2 ตัวนี้เป็นระยะเวลานาน จะส่งผลให้ผิวมีสุขภาพแย่ ดูแก่ก่อนวัยอันควร และอาจร้ายแรงถึงขั้นเป็นมะเร็งผิวหนังได้อีกด้วย นอกเหนือจากนั้นยังมีรังสีอินฟราเรด (IR) หรือรังสีความร้อนที่เราสัมผัสได้โดยตรง ไม่ว่าจากดวงอาทิตย์ เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือไฟหลอดนีออน สามารถแทรกซึมทำลายผิวได้ลึกกว่ารังสี UVA และ UVB เสียอีก และยังหมายรวมถึงแสงสีฟ้า (Blue Light) ที่มาจากมือถือ แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ ที่อยู่กับเรามากกว่าวันละ 5 ชั่วโมง ซึ่งถือเป็นภัยเงียบที่คอยทำร้ายผิวเรา โดยจะเข้าทำลายเซลล์ผิวได้มากกว่ากับรังสี UV หากครีม กันแดด ที่สาวๆ เลือกสามารถป้องกันได้ครบทุกรังสี จะยิ่งดีกับผิวหน้าและผิวพรรณของสาวๆ เป็นอย่างมาก
หลาย ๆ คนอาจจะรู้แล้วว่าปัจจัย ที่ทำให้ผิวของเราเสียหายมีอะไรบ้าง อย่างเช่น รังสี UVA, UVB ที่มาจากแสงแดด แต่ว่าไม่ได้มีแค่นั้นนะ เพราะนอกจากแสงแดดแล้ว สิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเราไม่ว่าจะเป็น แสงไฟ แสงจากหน้าจอโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์ ก็มีแสงหรือรังสีที่สามารถทำร้ายผิวเราได้เหมือนกัน นั่นก็คือ Blue Light หรือว่า แสงสีฟ้า ที่บอกเลยว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่หลาย ๆ คนอาจจะไม่รู้ตัวว่าสามารถทำร้ายผิวได้ วันนี้เราจะมาบอกข้อมูลดี ๆ เพื่อให้เพื่อน ๆ รู้จักกับ Blue Light มากยิ่งขึ้นกัน
☀️แสงสีฟ้าคืออะไร?
แสงสีฟ้า หรือBlue Light คือแสงที่เรามองเห็นอยู่ทุกวัน ถือเป็น 1 ใน 3 ของแสงขาวจากแสง UV สามารถมองเห็นได้และมีพลังงานสูง (High-Energy Visible) ทั้งนี้แสงทั้งหมดมีด้วยกัน 7 สี คือ ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง และแสงสีฟ้าหรือน้ำเงิน ซึ่งแต่ละสี มีความยาวคลื่นและพลังงานแตกต่างกัน โดยแสงที่เรามองเห็นได้ จะอยู่ที่ช่วงความยาวคลื่นประมาณ 400-700 nm โดยแสงสีฟ้าอยู่ที่ช่วงประมาณ 380-480 nm ทั้งนี้ แสงสีฟ้า นั้นมาจากทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าสาวๆ จะหลบยังไง แสงก็ยังสามารถที่จะสะท้อนมาหาเราได้อยู่ดี ซึ่งหลักๆ แล้วมาจากดวงอาทิตย์จะมีปริมาณของแสงที่มีความเข้มมากที่สุด และเป็นแหล่งกำเนิดแสงจากธรรมชาติ นอกจากนี้อุปกรณ์ต่างๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้น โดยเฉพาะจากหลอดไฟ LED ตามบ้านเรือน หรือแม้แต่ไฟหน้ารถและท้ายรถ อุปกรณ์ดิจิตอล เช่น นาฬิกา (Smart Watch) จอทีวี จอคอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ก จอโทรศัพท์ หรือแทบเล็ต ทุกอย่างที่กล่าวมานั้นสามารถปล่อยแสงสีฟ้าออกมาได้ทั้งหมด ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นกลางแจ้งหรือในร่ม เราก็ยังสามารถเจอ “แสงสีฟ้า” ได้ตลอดเวลา ทำให้ทุกวันนี้เราจำเป็นต้องเลือก “ครีมกันแดด” ที่สามารถปกป้องแสงสีฟ้าได้ด้วย
☀️ทำความรู้จักกับ Blue Light
Blue Light มีชื่อเต็มที่เรียกว่า High Energy Visible Light หนึ่งใน Visible Light ที่เป็นแสงสีขาวที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าซึ่งมาจากแสงแดดนั่นเอง ในแสงทั้งหมดก็จะประกอบไปด้วย 7 สีตามสเปกตรัมนั่นคือ สีม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง ซึ่งแต่ละสีก็จะมีคลื่นแสงที่แตกต่างกันโดย Blue Light จะอยู่ระหว่างสีครามและน้ำเงินมีคลื่นแสงอยู่ที่ประมาณ 400 – 500 นาโมเมตร ใกล้เคียงกับ UVA และ UVB
☀️Blue Light เจอได้ที่ไหนบ้างนะ?
ต้องบอกเลยว่าแสงสีฟ้าเนี่ยมีอยู่รอบ ๆ ตัวเรายิ่งกว่า UVA และ UVB เสียอีกค่ะ เพราะว่าสามารถเจอแสงนี้ได้จากหน้าจอโทรศัพท์ หน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือแม้กระทั่งหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ที่เราใช้อยู่ในบ้านก็ยังหนีไม่พ้น แถมในแสงแดดก็ยังมี Blue Light อยู่ด้วยนะ ซึ่งเป็นอันตรายต่อผิวมากยิ่งกว่า Blue Light ในหน้าจอโทรศัพท์หลายเท่าเลยค่ะ พอรู้แบบนี้ต้องหลบหลีกแดดกันยิ่งกว่าเดิมเลย
☀️ปัญหาผิวจาก Blue Light
เนื่องจาก Blue Light สามารถทำลายชั้นผิวได้ลึกยิ่งกว่ารังสี UVA และ UVB จึงก่อให้เกิดปัญหาผิวของเราตามมาได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เพราะ Blue Light เป็นแสงที่มีอยู่รอบตัวเราทำให้ผิวเราสัมผัสบ่อยและยาวนานมากในแต่ละวัน ทำให้ Blue Light เข้าไปทำลายคอลลาเจนชั้นใต้ผิว เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วจนผิวหย่อนคล้อย ดูแก่ก่อนวัย และกระตุ้นการเกิดเม็ดสีเมลานินที่ทำให้จุดด่างดำ ฝ้า กระฝังลึกเม็ดสีชัดมากขึ้น และทำให้ผิวมัน ขาดสมดุล ดูโทรมอ่อนล้าอีกด้วย
☀️เลือกครีมกันแดด
ค่าประสิทธิภาพในการป้องกันรังสียูวีของครีมกันแดด หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า SPF นั้นเป็นปัจจัยสำคัญในการต่อสู้กับแสงแดด ดังนั้นการเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF และค่า PA สูงนั้น หมายถึงระยะเวลาปกป้องรังสีต่างๆ ได้ยาวนานขึ้น ทำให้เราแน่ใจว่าครีมกันแดดที่เราเลือกสามารถปกป้องผิวหน้าได้ทั้งวัน ทั้งนี้เราแนะนำว่าให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีค่า SPF 50 ขึ้นไป เพื่อประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดดในเมืองไทย นอกจากนี้คุณสมบัติในการกันน้ำก็สำคัญเช่นกัน เหงื่อและกิจกรรมกลางแจ้งอาจจะทำให้ครีมกันแดดโดนชะล้างออกไป เราจึงแนะนำผลิตภัณฑ์ที่กันแดดได้ตั้งแต่ 80 นาทีขึ้นไป หรือเราจะทาซ้ำระหว่างวันจะยิ่งส่งผลดีกับผิวเรายิ่งขึ้น
☀️การใช้ครีมกันแดดในชีวิตประจำวัน
ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เนื้อไม่เข้มข้นมากนัก จนทำให้รู้สึกเหนียวเหนอะหนะและไม่สบายผิว โดยเหตุผลหนึ่งที่คนส่วนใหญ่หลีกเลี่ยงที่จะทาครีมกันแดด ความเหนียวเหนอะหนะบนผิว โดยเฉพาะยิ่งเวลาเจออากาศร้อนๆ แบบเมืองไทยแล้วละก็ ยิ่งรู้สึกไม่สบายตัวจนแทบไม่อยากจะขยับไปไหน แต่สาวๆ รู้หรือไม่ การเลือกครีมกันแดดและผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดด ที่มีเนื้อบางเบาจนเกินไป ก็อาจจะไม่สามารถปกป้องผิวเราได้ดีอย่างที่ควรจะเป็น แต่เราขอแนะนำเพิ่มเติมว่า ในครีมกันแดดควรมีส่วนผสมของวิตามินอีและอโลเวรา เพื่อช่วยกักเก็บและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหน้าในการต่อสู้กับแสงแดดด้วย
☀️รู้หรือไม่? ค่า SPF ใน BB หรือ CC ครีมอาจไม่เพียงพอ
สาวๆ ไม่ควรเลือกผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีส่วนผสมของเมคอัพเบส อย่าง BB ครีม หรือ CC ครีม เพราะจะทำให้คุณสมบัติของกันแดดลดทอนลงไป ซึ่งส่วนใหญ่ค่า SPF จะน้อย และทำให้ประสิทธิภาพการปกป้องลดลง ซึ่งอาจเพิ่มปัญหาความมันบนใบหน้า และจะทำให้ไม่สามารถใช้ในเวลากลางคืนได้ด้วย ดังนั้นสาวๆ ควรเลือกลงครีม กันแดด ทับอีกที เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปกป้องแสงแดดด้วย
☀️ครีมกันแดดปกป้องท้องทะเล
คุณสาวๆ รู้ไหมว่าในครีมกันแดดทั่วๆ ไปที่คุณใช้อยู่มีผลต่อสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะท้องทะเลสีฟ้าใสที่คุณรัก! สารเคมีจำพวก Oxybenzone และ Octinoxate ที่ผสมอยู่ในครีมกันแดดที่ปกป้องผิวของคุณอยู่ในขณะที่คุณว่ายน้ำดำนำอยู่ในท้องทะเล จะทำลายปะการังสีสวยๆ ใต้ท้องทะเล ด้วยการทำให้เกิดการฟอกขาวของปะการัง และทำให้การแตกหน่อขยายพันธุ์ของปะการังหยุดชะงักลง รวมไปถึงผลเสียในระยะยาวต่อระบบห่วงโซ่อาหาร และที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำอีกด้วย ดังนั้นแล้วครีมกันแดดขวดต่อไป จะต้องไม่มีส่วนผสมของสารเคมีเหล่านี้อยู่ ก็มีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อม
☀️เทคนิคทาครีมกันแดด
เมื่อเราเลือกครีมกันแดดได้แล้ว หลังจากทาครีมบำรุงผิวเรียบร้อยทุกขั้นตอน ก็ตามด้วยครีมกันแดดคู่ใจทันที แนะนำให้แต้มครีมกันแดดลง 5 จุดบนใบหน้า ได้แก่ หน้าผาก จมูก คาง และแก้มทั้ง 2 ข้าง แล้วใช้นิ้วมือข้างซ้ายตบเบาๆ เพื่อให้ครีมซึมทั่วใบหน้า เทคนิคที่ให้สาวๆ ใช้มือซ้าย ก็เพราะว่าการใช้มือข้างที่ไม่ถนัด จะสามารถเบาแรงกระทบระหว่างนิ้วมือกับผิวหน้าได้ดีมากกว่ามือที่ถนัดนั่นเอง แถมยังช่วยให้ครีมกันแดดซึมเข้าสู่ผิวได้เร็วขึ้นกว่าเดิม
ถ้าไม่อยากมีปัญหาผิวหน้า ผิวเสีย ใบหน้าหมองคล้ำ Retinol ลดริ้วรอย สูตรโกงอายุผิว ตื่นเช้ามาอย่าลืมทากันแดดก่อนออกจากบ้านกัน เลือกที่ปราศจากวัตถุกันเสียและสารเคมีที่ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม กันแดดที่มีส่วนผสมของสารเคมีที่ทำร้ายประการังด้วย
ครีมกันแดด กันดะ มีวางจำหน่ายแล้วทั่วประเทศ สอบถามข้อมูล และ เลือกซื้อสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/pg/kandabeauty.company/
website : Kandabeauty.com