บำรุงผิว สร้างคอลลาเจน ใต้ผิวหนังทำให้ผิวแข็งแรง
ริ้วรอยบนใบหน้าเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ที่สาวๆทุกคนกลัว บำรุงผิว สร้างคอลลาเจน เสริมสร้างเส้นใยโปรตีนใต้ผิวหนัง เสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง การดูแลผิวให้สุขภาพดีนั้นไม่จำเป็นต้องอาศัยสกินแคร์เสมอไป วันนี้เรามีเกร็ดความรู้ดีๆมาฝากข้อเป็นตัวช่วยให้คุณได้สัมผัสผิวพรรณที่นุ่มนวลแลดูสุขภาพดีในแบบธรรมชาติด้วยวิธีใกล้ตัว
เกราะปกป้องผิวคือปราการที่ช่วยปกป้องไม่ให้สิ่งสกปรกหรือสิ่งแปลกปลอมจากภายนอกเข้ามาในชั้นผิว นอกจากนี้ยังทำหน้าที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื่นไว้ภายในผิวด้วย
ผิวของคนเราก็เหมือนกระจก ที่สะท้อนหรือสื่อว่าระบบในร่างกายของเราแข็งแรงหรือมีความผิดปกติเกิดขึ้นหรือเปล่าไม่ใช่แค่บ่งบอกถึงความสวยงามภายนอกเพียงอย่างเดียวและผิวจะดีได้ส่วนหนึ่งก็มาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่จะส่งผลถึงภายในเพื่อสะท้อนกลับเป็นความงามสู่ภายนอกสร้างความแข็งแรงกู้ผิวให้อ่อนเยาว์ของผิวพรรณ ชะลอริ้วรอยความแก่
วิธีการบำรุงผิวสร้างความอ่อนเยาว์สู่ผิวพรรณนุ่มนวล
- เลือกอาหารสร้างเกราะจากแสงแดด
แสงแดดและอากาศร้อนในบ้านเราผลกระทบโดยตรงต่อผิวหนังไม่ว่าจะปัญหาผิวแห้งกร้าน ผิวแดง ผิวแสบไหม้ หรือปัญหาใหญ่อย่างมะเร็งผิวหนัง นอกจากการทาครีมกันแดดป้องกันแล้วคุณควรเสริมด้วยอาหารที่มีสารไลโคปีน เบต้าแคโรทีน และกรดอะมิโน ซึ่งพบมากในมะเขือเทศและฟักข้าว ที่มีสรรพคุณช่วยป้องกันผิวไหม้จากแสงแดด ทำให้ผิวพรรณชุ่มชื่น และชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย
อีกหนึ่งตัวการที่ทำให้เกราะป้องกันผิวเราบอบบาง อ่อนแอลงก็คือ “แสงแดด” ค่ะ ดังนั้น ในทุกๆ วัน ไม่ว่าแดดจะแรง หรืออ่อน จะอยู่ในบ้าน หรือออกนอกบ้าน ก็ต้องทาครีมกันแดดอยู่เสมอ เพื่อปกป้องเกราะป้องกันผิวเราไม่ให้ถูกแสงแดดทำร้าย ซึ่งความร้ายแรงของแสงแดดเนี่ย ไม่ใช่ทำให้ผิวดำคล้ำนะคะ แต่ทำให้ผิวแก่เร็ว และทำให้ผิวอ่อนแอลง
- ลดความเครียด
ความเครียด ความกังวล สิ่งเหล่านี้นอกจากจะทำลายจิตใจเราแล้วยังส่งผลเสียต่อผิวของเราได้เช่นกัน เพราะเมื่อร่างกายเกิดความเครียดหรืออารมณ์เสียเมื่อไรจะหลั่งฮอร์โมนความเครียดชื่อว่า “คอร์ติซอล” ออกมาทำให้ไขมันทำงานหนักมากขึ้น ผลที่ตามมาคือมีผิวมันเกิดสิวทั่วใบหน้าและส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย มากไปกว่านั้นอาจกลายผื่นแดงมีอาการคันและเสี่ยงต่อการติดเชื้ออื่น ๆ ได้ง่าย ดังนั้นจึงควรพยายามมองโลกในแง่บวก ทำจิตใจให้แจ่มใส และหาวิธีคลายเครียด เช่น การออกกำลังกาย การนั่งสมาธิ ฝึกลมหายใจ เป็นต้น ที่สำคัญคือ พักผ่อนให้เพียงพอ
- นอนหลับอย่างเพียงพอ
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่นอนไม่พอ การงีบหลับก็เป็นทางลัดให้ผิวได้ฟื้นฟูเช่นกัน เพียงคุณใช้เวลางีบหลับประมาณ 20 นาทีก็เป็นเวลาเพียงพอให้ร่างกายได้สร้างเซลล์ผิวใหม่เพื่อทดแทนเซลล์เก่าช่วยให้ผิวดูเต่งตึงเปล่งปลั่งมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดการเกิดสิวและรอยคล้ำใต้ตาได้ด้วย หรือถ้าประสบปัญหาการนอนไม่หลับให้ดมกลิ่นลาเวนเดอร์อ่อน ๆ ก็จะช่วยให้คุณนอนหลับง่ายขึ้น
- เลือกเครื่องดื่มบำรุงผิว
นอกจากน้ำสะอาดบริสุทธิ์แล้วการลองหาโยเกิร์ต นมเปรี้ยว (แนะนำเป็นสูตรไขมันต่ำ) หรือน้ำพรุนสกัดก่อนนอน จะช่วยให้คุณมีการขับถ่ายที่ดีในยามเช้าเสมือนเป็นการขับของเสียออกจากร่างกาย ซึ่งส่งผลให้ผิวหน้าและผิวกายดูเปล่งปลั่งสดชื่น
- ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายเป็นการกระชับผิว นอกจากร่างกายแข็งแรงได้รูปร่างที่เข้าที่แล้วยังช่วยให้ออกซิเจนในร่างกายหมุนเวียนดี ทำให้ผิวเปล่งปลั่งขึ้น คุณอาจจะเริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการวิ่งสลับเดิน เริ่มจากวอร์มอัพ 10-15 นาที จากนั้นลองเดินหรือวิ่งสลับหนักเบาเป็นช่วง ๆ เช่น วิ่งค่อนข้างเร็วสัก 30 นาที สลับกับเดินช้า 3 – 4 นาที ทำวันละ 45 – 60 นาที อย่างน้อย 5 – 6 สัปดาห์ สิ่งสำคัญคือการออกกำลังกายควรทำแต่พอดีและสม่ำเสมอ อย่าหักโหมหรือไม่พักร่างกาย เพราะจะทำให้คุณดูทรุดโทรม ระบบย่อยอาหารรวนอันเป็นสาเหตุของร่างกายและผิวพรรณไม่สดใสในระยะยาว
- ทานอาหารผิวที่มีประโยชน์
การทานอาหารเสริมในรูปแบบต่าง ๆ ถือเป็นตัวช่วยที่ดี เช่น วิตามินซี เป็นส่วนสำคัญต่อการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและเร่งการสร้างเซลล์ผิวใหม่ วิตามินอีมีส่วนช่วยปกป้องเซลล์ผิว จากอนุมูลอิสระ ช่วยยืดอายุผิวให้ความชุ่มชื้น หรืออีกวิธีคือการปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังและเวชศาสตร์ชะลอวัย วิตามินหรือสารอาหารชนิดใดเพื่อสามารถเสริมส่วนที่ขาดให้ผิวและร่างกายคงความแข็งแรงได้ในระยะยาว
อาหารที่เรากินทุกวัน ก็ช่วยเสริมให้เกราะป้องกันผิวแข็งแรงได้ด้วยนะคะ ถ้าใครอยากให้ผิวแข็งแรงขึ้น ลองหันมากินอาหารพวกนี้ดูค่ะ ผักคื่นช่าย แตงกวา ถั่ววอลนัต แซลมอน อะโวคาโด้ เพราะอาหารพวกนี้จะมีน้ำมันชั้นดี และความชุ่มชื้นที่จะเสริมเข้าไปในผิวเราได้
ความชุ่มชื้นเป็นอีกกุญแจสำคัญที่ทำให้ผิวเราแลดูมีสุขภาพดี การบำรุงผิว สำคัญมาก เพราะหากผิวเราขาดน้ำ หรือความชุ่มชื้น ก็จะทำให้ผิวแห้ง ระคายเคืองง่าย รวมถึงปัญหาผิวมันเยิ้มเกินไปด้วย
คอลลาเจน สำคัญอย่างไรต่อผิว
ประเภทคอลลาเจนที่พบบ่อยที่สุด
คอลลาเจนมีทั้งหมด 28 ชนิด แต่ละชนิดแตกต่างกันไปตามชนิดและรูปแบบของกรดอะมิโนที่ประกอบขึ้น คอลลาเจนที่พบบ่อยที่สุดในอาหารเสริมจะเป็นประเภท Collagen Type1 Collagen Type2 Collagen Type3 จากการศึกษาพบว่า Collagen Type 1 มีคุณสมบัติในการต่อต้านริ้วรอยมากที่สุดในบรรดาคอลลาเจนประเภทต่าง ๆ โปรตีนเส้นใยนี้ช่วยลดริ้วรอยได้ดีที่สุดและช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนัง
1. คอลลาเจนชนิดที่ 1 ( Collagen Type 1 ) เป็นคอลลาเจนที่พบมากที่สุดถึง 90 เปอร์เซ็นต์ในร่างกาย เส้นใยคอลลาเจนเป็นองค์ประกอบโครงสร้างที่สำคัญของเนื้อเยื่อหลาย ๆ ในร่างกายสามารถพบได้ในผิวหนัง กระดูก เนื้อเยื่อ และผนังหลอดเลือด
2. คอลลาเจนชนิดที่ 2 ( Collagen Type 2 ) เป็นคอลลาเจนที่สำคัญกับกระดูก กระดูกอ่อน ข้อต่อ ซึ่งโปรตีนชนิดนี้พบในกระดูกอ่อนประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ที่มีความยืดหยุ่นมากกว่าคอลลาเจนชนิดที่ 1 ช่วยสร้างกระดูกอ่อนขึ้นมาใหม่ ช่วยลดการอักเสบ บรรเทาอาการปวดข้อและกล้ามเนื้อในผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อม โรคไขข้ออักเสบ
3. คอลลาเจนชนิดที่ 3 ( Collagen Type 3 ) เป็นคอลลาเจนที่สำคัญต่อโครงสร้างของกล้ามเนื้อ อวัยวะ และหลอดเลือด เนื่องจากคอลลาเจน Type 3 พบมากที่สุดในกล้ามเนื้อมักใช้คอลลาเจนชนิดที่ 3 ช่วยในการสร้างมวลกล้ามเนื้อ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดการบาดเจ็บขณะออกกำลังกาย ช่วยในการสังเคราะห์เกล็ดเลือดจึงมีความสำคัญต่อกระบวนการแข็งตัวของเลือด
9.เพิ่มความยืดหยุ่น กระชับ เรียบเนียน ผิวขาวใส
10. ช่วยให้ผมและเล็บแข็งแรง
11. ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต
12.ช่วยรักษาสิว ลดการอักเสบ
13. คอลลาเจนช่วยปกป้องผิวและกรองสารพิษจากสิ่งแวดล้อมและเชื้อโรคอื่น ๆ ได้
ผิวที่ดูเปล่งปลั่ง กระชับ และแลดูอิ่มน้ำ ต้อง บำรุงผิว ทั้งภายในและภายนอกเกราะปกป้องผิวที่แข็งแรง ซึ่งเมื่อปราการช่วยปกป้องผิวเริ่มทรุดโทรมจากปัจจัย อย่าง อายุที่เพิ่มขึ้นและมลภาวะจากสิ่งแวดล้อม สิ่งแปลกปลอมต่างๆ จากภายนอกจะสามารถเข้าไปก่อกวนสุขภาพผิวได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื่นที่นำไปสู่อาการผิวแห้ง ที่มักจะตามมาด้วยอาการระคายเคือง และง่ายต่อการเป็นสิวเนื่องจากผิวที่แห้งขาดน้ำพยายามผลิตน้ำมันออกมาทดแทนความชุ่มชื่นที่หายไปจนเกิดเป็นน้ำมันส่วนเกินบนผิว
การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารก่อความระคายเคืองบ่อยๆ เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผิวอ่อนแอ บอบบาง สารที่ก่อให้ผิวเราระคายเคืองได้ก็เช่น น้ำหอม แอลกอฮอล์ Paraben (สารกันเสีย) สารกลุ่มซัลเฟต อย่าง SLS กับ SLE รวมถึงสีสังเคราะห์ล้วนแค่ทำให้ผิวเราระคายเคืองทั้งนั้น และยังมีสารอื่นๆ อีกที่ทำให้ผิวระคายเคืองอย่างพวกสารสเตียรอยด์ สารปรอท เป็นต้น ที่ผู้ผลิตบางรายใส่เข้าไป เพื่อให้เห็นผลผิวขาวไว แต่ทำให้เกิดปัญหาผิวในระยะยาวค่ะ ดังนั้น ควรเลือกใช้ครีมที่มีส่วนผสมที่อ่อนโยน ไม่ทำร้ายผิว ก็จะช่วยให้ผิวเราไม่แพ้ง่ายได้ในระดับหนึ่งพร้อมสร้างความแข็งแรงให้ผิว

ในช่วงอายุ 20 ต้นๆ ผิวหนังของคนเราจะประกอบด้วยคอลลาเจนประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ แต่ต่ปัจจัยต่างๆ รอบตัว ส่งผลทำให้การผลิตคอลลาเจนลดลง อายุที่เพิ่มมากขึ้น รังสียูวีจากแสงแดด ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ การสูบบุหรี่หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รับประทานอาหารไม่ครบ5หมู่ กินอาหารรสหวานหรือเผ็ดจัดมากเกินไป หรือ พันธุกรรม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการกำหนดปริมาณคอลลาเจนในร่างกายของแต่ละคน
ทั้งหมดนี้ทำใหคอลลาเจนในร่างกายลดลง โดยเฉพาะเมื่ออายุมากกว่า 30 ปี ขึ้นไป การสังเคราะห์เส้นใยโปรตีนชนิดนี้จะลดลงถึงปีละ 1.5 เปอร์เซ็นต์ และเมื่อร่างกายมีไม่เพียงพอก็เป็นสาเหตุให้ผิวหนังเกิดความหย่อนคล้อย เหี่ยวย่น มีริ้วรอย ผิวไม่เรียบเนียน ขาดความยืดหยุ่น และบริเวณข้อต่อก็เริ่มไม่แข็งแรง นี่จึงเป็นเหตุผลที่หลายคนหันมาดูแลเจ้าเส้นใยโปรตีนสำคัญชนิดนี้มากยิ่งขึ้น ทั้งดูแลของเดิมที่มีอยู่กระตุ้นและเติมเต็มไม่ให้ขาดหายไปเมื่ออายุเริ่มมากขึ้นและปัญหาที่ตามอีกหนึ่งอย่างคือ ปัญหาสิว
ล้างหน้ายังไงก็เป็นสิวอยู่ดี สิวสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น กรรมพันธุ์ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน สิว ออนไลน์ จากการนั่งเล่นอยู่หน้าจอคอมมากเกินไปหรือการล้างหน้าที่ผิดวิธี รวมไปถึงพฤติกรรมรบกวนผิวหน้า รักษาสิวนั้นให้หายไปเผยหน้าใสกัน
กันแดด กันดะ มีวางจำหน่ายแล้วทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลและเลือกซื้อสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/pg/kandabeauty.company/
website : Kandabeauty.com
