ทำความรู้จักกับสภาพผิว ผิวผสม ดูแลยังไง

ทำความรู้จักกับสภาพผิว ผิวผสม ดูแลยังไง

ผิวสาวคนไหน มีผิวผสมตามมาทางนี้เลย หรือใครไม่แน่ใจว่า “เอ๊ะ! ผิวชั้นเป็นแบบไหนกันแน่?” เกิดอาการลังเลว่าใช่ผิวผสมรึเปล่า ก็อ่านบทความนี้กันได้เลย การ ทำความรู้จักกับสภาพผิว ผิวผสม ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะจะทำให้เราดูแลผิวหน้าของเราได้ถูกจุด ไม่ต้องสิ้นเปลืองสกินแคร์ที่ไม่จำเป็น ถ้าใช้สกินแคร์เยอะจนเกินไปผิวก็จะยิ่งพัง แล้วก็ต้องมาหาทางแก้ไม่จบไม่สิ้น แบบนี้ก็ไม่เอานะคะซิส! ดังนั้น อย่ามัวรอช้า เราไปเริ่มกันเลยดีกว่า

ทำความรู้จักกับสภาพผิว ผิวผสม ดูแลยังไง

ผิวเราเป็นแบบไหนกันนะ
ผิวแห้ง (Dry Skin)

ลักษณะละเอียดบอบบาง และเกิดริ้วรอยได้ง่าย เป็นผิวที่มีความมันน้อยกว่าปกติ เนื่องจากขาดกรดไขมัน ในผิวที่จำเป็นในการรักษาความชุ่มชื่น และสร้างเกราะป้องกันผิว จากสิ่งกระทบจากภายนอก ทำให้ผิวมีการผลิตน้ำมันตามธรรมชาติ จากต่อมไขมันใต้ผิวที่น้อยกว่าปกติ เมื่อมีน้ำมันในผิวไม่เพียงพอที่จะสามารถป้องกันการสูญเสียน้ำของผิวได้ จึงทำให้ผิวแห้งกร้านและแลดูหมองคล้ำได้ง่าย

  • ลักษณะ
    • แห้ง หยาบกร้าน ไม่กระจ่างใส
    • แนวโน้มแพ้ง่าย มีผื่นแดงหรือรอยแดงที่ผิว
    • อาการตึงผิว ผิวแตก หรืออาจมีการอักเสบและมีอาการคันได้ง่าย
    • ผิวแลดูขาดน้ำ มีความยืดหยุ่นน้อย และผิวลอกเป็นขุยได้ง่าย
  • ข้อดี
    • ผิวแห้งจะมีรูขุมขนเล็กละเอียดทำให้ผิวแลดูเรียบ ไม่มันเยิ้ม และจะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องสิวต่างๆ ทั้งสิวเสี้ยนหรือสิวอุดตันจะพบน้อยกว่าผิวประเภทอื่นๆ
  • ข้อเสีย
    • เกิดริ้วรอยก่อนวัย รอยเหี่ยวย่นได้ง่าย โดยเฉพาะผิวบริเวณที่บอบบางอย่างเช่นผิวรอบดวงตา

ดังนั้นการเติมเต็มความชุ่มชื่นให้ผิวอย่างสม่ำเสมอเพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำมันและความชุ่มชื่นตามธรรมชาติจึงเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการดูแลรักษาผิวประเภทนี้

ผิวมัน (Oily Skin)

ผิวมันเป็นผิวที่มีลักษณะมันวาว จากการที่ต่อมไขมันใต้ผิวหนังผลิตน้ำมันตามธรรมชาติออกมาหล่อเลี้ยงผิวในปริมาณที่มากจนเกินไป ผิวมันจึงมีสารคัดหลั่งที่เป็นไขมันจำนวนมาก ส่งผลให้ผิวเงา มันวาว โดยปกติผิวมันมักเกิดขึ้นมากในช่วงวัยรุ่น ซึ่งเป็นช่วงที่ฮอร์โมนในร่างกายกำลังมีการเปลี่ยนแปลง และฮอร์โมนนี้เองเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมันให้ผลิตน้ำมันออกมามากกว่าปกติ นอกจากนี้สิ่งแวดล้อมภายนอก สภาพอากาศ ทั้งความร้อน และความชื้น รวมทั้งความเครียดทางอารมณ์ก็ส่งผลทำให้ผิวมีความมันส่วนเกิน

  • ลักษณะ
    • รูขุมขนกว้าง
    • ผิวจะมีลักษณะดูหนา ค่อนข้างหยาบ และดูไม่เรียบเนียน
    • มองไม่เห็นเส้นเลือดบนผิวอย่างชัดเจนนัก จนบางครั้งอาจทำให้แลดูหมองคล้ำ
    • เป็นสิวอุดตันและสิว ประเภทอื่นๆ ได้ง่าย
  • ข้อดี
    • จะไม่มีปัญหาเรื่องริ้วรอยก่อนวัย ไม่มีปัญหาเรื่องรอยเหี่ยวย่นต่างๆ เหมือนผู้ที่มีผิวแห้ง

เนื่องจากผิวมันมีการผลิตน้ำมันออกมาทางรูขุมขนในปริมาณที่มากเกินไป ดังนั้นสิ่งสำคัญในการดูแลผิวประเภทนี้จึงเป็นการทำความสะอาดที่ล้ำลึกหมดจดแต่อ่อนโยนกับผิว และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยควบคุมความมันของผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผิวผสม (Combination Skin)

ผิวผสมเป็นผิวที่มีลักษณะผสมกันระหว่างผิวสองประเภท ซึ่งอาจจะเป็นผิวมันผสมผิวธรรมดา หรือผิวแห้งผสมผิวธรรมดา หรือ ผิวแห้งผสมผิวมัน โดยลักษณะ ผิวผสมจะมีคุณสมบัติของผิวสองประเภทนี้อยู่ด้วยกัน

  • ลักษณะ
    • ความมันเฉพาะบริเวณที่เป็น T-zone ได้แก่ บริเวณหน้าผาก จมูก และคาง
    • รูขุมขนกว้างในบริเวณนี้ จนอาจมีสิ่งสกปรกอุดตันในรูขุมขนได้
    • ส่วนบริเวณแก้มทั้งสองข้างจะมีลักษณะแบบผิวธรรมดาหรือผิวแห้ง
    • ผิวผสมเกิดจากการที่บริเวณทีโซน T-zone ที่มีผิวมันของผิวผสม เกิดการผลิตน้ำมันที่มากเกินไป เพราะต่อมไขมันบริเวณนี้จะมีขนาดใหญ่และทำงานมากกว่าบริเวณอื่น ทำให้มีปัญหาเรื่องสิวได้ง่าย ส่วนบริเวณข้างแก้มและโหนกแก้มที่มีผิวแห้งเกิดจากการขาดน้ำมัน และสมดุลไขมันผิดปกติ ทำให้เกิดปัญหาผิวแห้งกร้าน ลอกเป็นขุย สังเกตได้ชัดตอนหลังล้างหน้าบริเวณแก้มทั้งสองข้างจะแห้งตึง

ดังนั้นการดูแลผิวผสมจึงจำเป็นต้องดูแลด้วยวิธีผสมผสาน เพราะลักษณะผิวในแต่ละบริเวณ ต่างก็ต้องการการดูแลอย่างเฉพาะเจาะจง โดยใช้ผลิตภัณฑ์ บำรุงหน้า สำหรับผิวมันบริเวณ T-zone ส่วนบริเวณอื่นใช้วิธีดูแลสำหรับผิวธรรมดาหรือผิวแห้ง รวมทั้งควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยปรับสมดุลของผิวทั้งสองบริเวณให้ใกล้เคียงกันอีกด้วย

ผิวแพ้ง่าย (Sensitive Skin)

ผิวแพ้ง่ายเป็นผิวที่มีลักษณะระคายเคืองง่ายและบอบบางมากๆ อ่อนไหวง่ายกับสิ่งต่างๆที่สัมผัสผิวหน้า เช่น ฝุ่นควัน แสงแดด กระดาษทิชชู่ เครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิวต่างๆ ผิวประเภทนี้จะมีปัญหาแพ้ง่าย ผิวมีสีแดง มีโอกาสระคายเคืองต่อผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ใช้กับผิวหน้า มักเกิดอาการผิวแห้งลอก ผิวหน้าตึง ผิวหน้าเป็นผื่นแดง แสบคัน อักเสบได้ง่าย สำหรับปัญหาผิวบอบบางแพ้ง่ายนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่มีวิธีการแก้ไขหรือรักษาผิวแพ้ง่ายให้หายขาด แต่ก็มีวิธีที่จะควบคุมและจัดการกับอาการต่างๆของผิวแพ้ง่ายได้ ถ้าหากเข้าใจสาเหตุของปัญหาว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร และอะไรเป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ ก็จะช่วยให้เราสามารถควบคุมอาการผิวแพ้ง่ายได้ดียิ่งขึ้น

  • ลักษณะ
    • การอักเสบได้ง่ายของผิว
    • ผิวจะเกิดอาการเป็นผื่นแดง คัน แสบร้อน ไปจนถึงผิวแห้งแตก
ผิวหน้าเป็นแบบนี้ ผิวผสมชัวร์!

ผิวคนเราไม่ได้อยู่เหมือนเดิมไปตลอดนะเออ เพราะจะมีปัจจัยหลากหลายอย่าง ที่จะเข้ามาทำให้ผิวของเราเปลี่ยนไป อย่างฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลง หรือแม้แต่ระดับฮอร์โมนที่ไม่คงที่ แต่ก็ยังมีวิธีดูอยู่นะว่าเราเป็นคนผิวผสมรึเปล่า วิธีสังเกตก็ไม่ยากเลย คนที่มีผิวผสม ช่วง T-zone (บริเวณหน้าผาก จมูก และคาง) ผิวจะค่อนข้างมัน แต่ผิวบริเวณแก้มจะแห้ง โดยในฤดูร้อนผิวหน้าจะค่อนข้างมัน แต่ในฤดูหนาวผิวจะแห้ง และเมื่อสาว ๆ อยู่ในช่วงมีประจำเดือน ผิวจะมัน แต่เมื่อหมดประจำเดือนผิวก็จะกลับมาแห้งเป็นขุย ถ้าเป็นแบบที่บอกมาข้างต้น ก็เคาะเลยว่าคุณน่ะผิวผสมชัวร์!

ผิวผสมเกิดจากอะไรได้บ้าง
  • พันธุกรรมถือเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้ผิวผลิตน้ำมันออกมาเยอะกว่าปกติ เพราะมันจะควบคุมการทำงานของเซลล์ว่าจะให้ผลิตน้ำมันออกมามากน้อยแค่ไหน โดยแต่ละคนจะมีขนาดของต่อมไขมันที่แตกต่างกันออกไป ถ้าต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากเกินไป น้ำมันที่มากขึ้นนี้จะทำให้เกิดผิวผสม
  • ฮอร์โมนเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผิวผลิตน้ำมันออกมามากจนเกินไป การผลิตน้ำมันจะเกี่ยวข้องกับปริมาณของฮอร์โมนเพศชาย เมื่อร่างกายตอบสนองกับความไม่สมดุลของฮอร์โมน ก็จะทำให้ผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป
  • ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ความร้อน จะทำให้ผิวมันมากขึ้น ถ้าสาว ๆ คนไหนต้องทำงานใกล้ความร้อน ก็จะทำให้หน้ามัน หรือความชื้นที่ต่ำจนเกินไปก็จะทำให้ผิวขาดน้ำ ก่อให้เกิดปัญหาผิวแห้งตามมา
ดูแลผิวให้ถูกต้อง

เคล็ดลับในการดูแลผิวผสมคือการหาความสมดุลระหว่างผิวมันและผิวแห้ง หนึ่งในปัญหาใหญ่ของสาว ๆ ผิวผสม คือจะกลัวการลงมอยส์เจอไรเซอร์ ครีม บำรุงผิว และครีมกันแดด เพราะมันทำให้ผิวมันมากกว่าเดิม แต่เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องนะ! การเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมและใช้อย่างถูกต้องต่างหากละ! ที่จะช่วยควบคุมการผลิตน้ำมันได้ โดยควรกำจัดน้ำมันส่วนเกินด้วยคลีนเซอร์ที่มีส่วนผสมของกรด Salicylic เพื่อช่วยลดการสะสมของน้ำมันและการอุดตัน และต้องใช้มอยส์เจอไรเซอร์ไม่ว่าสภาพผิวของคุณจะเป็นแบบไหน โดยให้มองหามอยส์เจอไรเซอร์ที่เป็น Non-Comedogenic Oil Free จะเหมาะกับสภาพผิวของคุณที่สุด

ต้องให้เวลากับผิว

อ่านมาถึงข้อนี้ถ้าใครคิดที่จะปรับวิธีการดูแลผิว คุณสาว ๆ ก็มาถูกทางแล้วค่า แต่ก็ขอให้อดทนรอสักนิดนะ! เพราะบางครั้งก็ต้องให้เวลาผิวได้ทำความคุ้นเคยกับสกินแคร์ใหม่ก่อน ถ้าจะเปลี่ยนไปใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ หลายตัวในครั้งเดียว แนะนำว่าให้ค่อย ๆ เปลี่ยนทีละตัว เพื่อให้ผิวของเราได้มีการปรับตัว แล้วก็อย่าลืมดูสภาพอากาศด้วยนะ ในฤดูร้อนผิวของเราอาจจะไม่ต้องการมอยส์เจอไรเซอร์มากเท่ากับที่ต้องการในฤดูหนาว ดังนั้นควรจะใช้ในปริมาณที่พอเหมาะพอดี เพื่อให้สกินแคร์มีประสิทธิภาพสูงสุด

ผิวแต่ละคนไม่เหมือนกัน

ถึงจะบอกว่าผิวผสมมักหมายถึงความมันใน T-zone และความแห้งกร้านบนแก้ม แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผิวหน้าของคุณจะมัน 50% และแห้ง 50% นะ บางคนอาจจะมีสัดส่วนของความมันที่มากกว่าหรือน้อยกว่าสัดส่วนของผิวแห้งก็ได้ ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน นอกจากนี้นิยามของคำว่า “ความมัน” จะหมายรวมถึง รูขุมขนที่ใหญ่ สิวหัวดำ และสิวหัวขาวด้วย ส่วน “ความแห้งกร้าน” จะหมายรวมถึงรอยแดงและความรู้สึกตึงผิวด้วย

ส่วนผสมที่ควรมองหาจากสกินแคร์
  • กรดไฮยาลูโรนิก ช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว แต่ไม่ทำให้มันเยิ้มหรือหนักหน้า สามารถทาได้ทั่วทั้งใบหน้า
    • ประโยชน์
      • การแก้ไขปัญหาผิวขาดความสมดุล ผิวแห้ง เป็นขุย หรือหลุดลอกเป็นแผ่นๆ ด้วยคุณสมบัติกักเก็บความชุ่มชื้นในชั้นผิวได้ดีเยี่ยม
      • การบำรุงผิวพรรณ โดยเฉพาะผิวหน้าจะสามารถสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วในด้าน ความตึง กระชับ เรียบเนียน
      • ลดอาการอักเสบของสิวซ่อมแซมผิวที่ถูกทำลาย เร่งกระบวนการฟื้นฟูเซลล์ที่มีผลต่อการหายของแผล
      • ส่วนช่วยในการลดการสร้างอนุมูลอิสระ และกรองรังสี UV ที่จะทำร้ายผิว
  • กรดซาลิไซลิก สามารถควบคุมการผลิตน้ำมันและรูขุมขนที่อุดตันได้
    • ประโยชน์
      • BHA เป็นสารที่นำมาใช้ในเครื่องสำอางหลายชนิด และใช้ผสมในแชมพูขจัดรังแค
      • สามารถลอกผิวหนังชั้นนอกสุด ช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดความหมองคล้ำ ฝ้า กระ
      • ช่วยป้องกันสิวอักเสบได้ เนื่องจากมีฤทธิ์ฆ่าเชื้ออ่อนๆ

อย่างไรก็ตาม การใช้กรดซาลิไซลิกในเครื่องสำอางยังคงต้องจำกัดความเข้มข้นในการใช้ โดย อย. อนุญาตให้ใช้ที่ความเข้มข้นไม่เกิน 2.00% สำหรับผลิตภัณฑ์ทาผิว เพื่อป้องกันอันตรายจากกรดที่สามารถกัดผิวหนัง และเกิดอันตรายต่อผิวได้

  • กรดแลคติก เป็นสารผลัดเซลล์ผิวอ่อน ๆ ที่ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกจากบริเวณที่แห้ง ช่วยให้รูขุมขนไม่อุดตัน
    • ประโยชน์ 
      • ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และปรับสมดุลค่าพีเอชให้แก่ผิว
      • ช่วยลดเลือนริ้วรอย ชะลอความชราบนใบหน้า
      • ช่วยป้องกันสิว และทำให้รอยสิวดูจางลง
  • สารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด ไม่ให้รังสียูวีทำร้ายผิว
    • ประโยชน์ 
      • เพิ่ม ความชุ่มชื้น และปรับสมดุล ค่าพีเอชให้แก่ผิว
      • ลดเลือนริ้วรอย ชะลอความชรา บนใบหน้า
      • ป้องกันสิว และทำให้รอยสิวดูจางลง


รู้จักกันผิวหน้า ว่าผิวหน้าเราเป็นผิวแบบไหน เช็กแล้ว! วันนี้มาดูข้อควรรู้สำหรับคนผิวผสม เกิดจากอะไร ใช้สกินแคร์แบบไหนดี?! สกินแคร์ เลือกให้เหมาะกับผิว ประโยชน์ของกรดแต่ละตัวที่ดีกับผิวหน้า  บอกเลยว่าพอรู้จักผิวของเราดีขึ้นแล้ว ว่าเป็นแบบไหน มีลักษณะยังไง จะมันส่วนไหนจะแห้งส่วนไหน การดูแลผิวก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย


โทนเนอร์ กันดะ มีวางจำหน่ายแล้วทั่วประเทศ สอบถามข้อมูล และ เลือกซื้อสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/pg/kandabeauty.company/
website : Kandabeauty.com