การกระทำและฤดูการณ์ ที่ก่อให้เกิด สิว ปัญหาผิวพัง

การกระทำและฤดูการณ์ ที่ก่อให้เกิด สิว ปัญหาผิวพัง

การกระทำและฤดูการณ์ ที่ก่อให้เกิด สิว ปัญหาผิวพัง

หน้าร้อนเมืองไทยจะกินเวลาไปเกือบตลอดปี หน้าฝนทีไรปัญหาผิวต่างๆ ยิ่งถ้าเป็นเพื่อนๆ ที่ผิวอ่อนแอ แพ้ง่าย เมื่อถึงช่วงเปลี่ยนฤดูแบบนี้ก็ทำเอาปรับตัวไม่ทัน นอกจากร่างกายที่ปรับตัวไม่ทันแล้วผิวเองก็เช่นกัน ปัญหาผิวก็คงหนีไม่พ้นสิวตัวร้าย ที่เป็นศัตรูของผิวสวยใส การกระทำและฤดูการณ์ ที่ก่อให้เกิด สิว ปัญหาผิวพัง เพราะสิวมักจะหาสารพัดเหตุผลขึ้นมาบนหน้าได้ตลอดจนเรียกได้ว่าปัญหาสิวไม่ได้ทำให้ผิวไม่สวยเนียนใสอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังทำให้รู้สึกรำคาญใจเวลาส่องกระจกแล้วเจอสิวด้วยเหมือนกัน

ปัญหาสิว

เพราะเมื่อเข้าสู่หน้าฝน ความชื้นในอาการจะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งความชื้นนี่แหละค่ะเป็นที่ชื่นชอบของแบคทีเรีย ทำให้แบคทีเรียเติบโตได้ดีเป็นพิเศษ และแน่นอนว่าสาวๆเองก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงความชื่นได้ ในบางครั้งใบหน้าก็ต้องสัมผัสความชื่น เหงื่อ ฝุ่นละออง จึงเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาสิว ดังนั้นเมื่อเข้าสู่หน้าฝนการรักษาความสะอาดก็เป็นสิ่งสำคัญ แม้จะไม่ได้เหงื่อออกก็ตาม

ปัญหาผิวหน้ามัน

ความชื้นตามมาจากฝน จะกระตุ้นต่อมไขมันให้ขับน้ำออกมามากกว่าปกติ ส่งผลให้หน้ามันเยิ้มได้แม้จะไม่ใช่หน้าร้อนก็ตาม และเมื่อหน้ามันๆ ของเราต้องไปสัมผัสกับสิ่งสกปรก ฝุ่น หรือแม้แต่มือของเราเองที่ไปสัมผัสบนใบหน้า สิ่งเหล่านี้ก็จะทำให้เกิดสิวตามมา เพราะความมันเองก็ถือเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของปัญหาสิวอยู่แล้วนั้นเอง

ปัญหาผิวแห้ง

แม้ฝนจะตกทั่วฟ้าเมืองไทย ให้ความชุ่มชื้นกับทุกพื้นที่แต่ใช่ว่าจะมอบความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า อย่าคิดว่าความชื้นหรือลมเย็นที่พัดมาปะทะหน้าจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เพราะยิ่งสภาพอากาศไม่ร้อนไม่หนาวแต่เต็มไปด้วยความชื้นแบบนี้ น้ำในร่างกายของเราจะระเหยไป ทำให้ผิวหน้าแห้ง ไม่ชุ่มชื้น พอหน้าแห้งมาก ต่อมไขมันก็ยิ่งทำงานผลิตไขมันออกมาอีก
ซึ่งในบางครั้งสาเหตุที่สาวๆ บางคนยังโดนสิวบุกขึ้นหน้าไม่หยุดหย่อนแบบนี้ อาจเกิดจากพฤติกรรมการดูแลผิวหน้าที่ไม่ถูกต้องก็เป็นได้นะ วันนี้เราเลยจะอาสาพาไปส่อง 7 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการ ‘ รักษาสิว ’ ที่ไม่ได้ช่วยทำให้สิวหาย แถมยังอาจกระตุ้นให้หน้าเห่อหนักกว่าเดิมหลายเท่า เผื่อว่าใครที่ลองเช็คแล้วจะได้รู้ตัวว่าเธอเผลอทำพฤติกรรมตามที่เราบอกไปรึเปล่าไงล่ะ

ล้างหน้าบ่อย หรือสครับหน้าแรง

คนที่มีปัญหาสิวส่วนใหญ่มักจะมีสภาพผิวมันเยิ้ม หลายคนเลยมีความเข้าใจผิดๆ คิดว่าการล้างหน้าบ่อยๆ ถี่ๆ มันจะช่วยกำจัดความมันส่วนเกินออกไปจากผิวและลดการเกิดสิวได้
แต่เราขอเถียงสุดใจเลย เพราะการล้างหน้าบ่อยจนเกินไป รวมถึงการสครับผิวหน้าแรงๆ มันไม่ได้ช่วยรักษาสิวเลยสักนิด เผลอๆ อาจยิ่งกระตุ้นให้ผิวเกิดการระคายเคืองและทำลายน้ำมันตามธรรมชาติที่เคลือบปกป้องผิว จนผิวแห้งกร้านขาดน้ำและทำให้ร่างกายต้องผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมามากกว่าปกติ พอผิวเดี๋ยวแห้ง เดี๋ยวมัน เดี๋ยวอุดตัน ก็กลายเป็นวงจรสิวที่ไม่มีที่สิ้นสุด ทางที่ดีเราแนะนำให้ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง ช่วงเช้า – เย็น ด้วยคลีนเซอร์สูตรอ่อนโยนสำหรับคนเป็นสิวก็พอแล้ว

บีบสิว

เอาจริงๆ บางทีก็อดสงสัยไม่ได้นะว่าพื้นที่บนใบหน้าก็ตั้งกว้าง แต่ทำไมนังสิวตัวดีมันชอบโผล่ขึ้นหน้าในจุดที่สังเกตง่ายทุกครั้ง อย่างเช่นกลางหน้าผาก แก้ม คาง หรือจมูก แล้วต่อให้จะใช้คอนซีลเลอร์หรือรองพื้นที่ดีเริ่ดขนาดไหนก็กลบสิวเม็ดเป้งเหล่านี้ไม่ได้อยู่ดี สาวๆ บางคนเลยเลือกที่จะบีบเค้นสิวด้วยตัวเอง เพราะคิดว่าการบีบสิวมันจะช่วยให้สิวยุบเร็ว แห้งไว และหายไปเร็วขึ้น แต่ความเชื่อนี้มันไม่ถูกต้องเลย เพราะยิ่งเธอบีบสิว แกะสิว เค้นสิว ด้วยการใช้นิ้วมือบีบหรือใช้ปลายเล็บจิกลงไปที่หัวสิว แบคทีเรียที่ติดอยู่ตามซอกเล็บหรือบนนิ้วอาจเข้าสู่หัวสิวจนสิวอักเสบมากกว่าเดิม หรือยิ่งทำให้แบคทีเรียฝังเข้าไปใต้ผิวหนังลึกกว่าเดิม ที่สำคัญการบีบสิวแบบไม่ถูกวิธียังเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดรอยแผลเป็นจากสิวง่ายขึ้นไปอีก ห้ามใจและห้ามมือของตัวเองไม่ให้เอื้อมไปบีบสิวเด็ดขาด แล้วใช้วิธีประคบร้อนเพื่อลดการบวมและการอักเสบของสิวแทนจะดีกว่า

เลิกทามอยส์เจอไรเซอร์ ช่วยลดความมันบนใบหน้า

สาวผิวมันคนไหนที่กำลังเจอกับปัญหาสิวเห่อขั้นสุด พวกเธออาจคิดเองเออเองว่าการทา ‘ มอยส์เจอไรเซอร์ ’ อาจยิ่งทำให้ผิวมันเยิ้มหนักขึ้นกว่าเดิม จนรูขุมขนเกิดการอุดตันแล้วตามด้วยสิวเม็ดเป้งตัวร้าย แบบนี้พวกเธอเลยกด Skip ข้ามสเต็ปการทามอยส์เจอไรเซอร์ทั้งช่วงเช้าและช่วงเย็นไปซะอย่างนั้น แต่อย่าลืม พวกผลิตภัณฑ์รักษาสิวทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเจลแต้มสิว ครีมรักษารอยสิว หรือแม้แต่โฟมล้างหน้าสูตรสำหรับคนเป็นสิว มันมีส่วนผสมที่อาจทำให้ผิวแห้งขึ้นกว่าเดิมได้ งานนี้ถ้าผิวขาดความชุ่มชื้นแล้วไม่ได้ทามอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิวหน้า ก็อาจยิ่งกระตุ้นให้ผิวผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมา จนกลายเป็นปัญหาผิวมันขาดน้ำตามมาได้ ดังนั้น ผิวมันที่มีปัญหาสิวก็ควรหาซื้อมอยส์เจอไรเซอร์สูตรไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน ( Noncomedogenic ) มาใช้ทาเพื่อเติมความชุ่มชื้นก็จะดีกับผิว

การไม่ทาครีมกันแดดช่วยลดสิว / การอุดตันได้

ปัญหาผิวแบบไหน จะผิวมันเยิ้ม ผิวแห้งกร้าน ผิวหมองคล้ำ ผิวเหี่ยวย่น หรือผิวเป็นสิว ไอเทมสำคัญที่จะละเลยไปไม่ได้เด็ดขาด ครีมกันแดด ที่ต้องย้ำเตือนล่วงหน้าแบบนี้ก็เพราะเรารู้ว่า คนเป็นสิวหลายๆ คนอาจรู้สึกว่าเวลาทาครีมกันแดดแล้วผิวหน้ามันเยิ้ม จนกลัวว่าผิวจะอุดตันและสิวเห่อหนักกว่าเก่า ก็เลยพาลไม่ทาครีมกันแดดเวลาออกไปลั้ลลานอกบ้านเลยสักวัน พอผิวหน้าไม่มีครีมกันแดดมาเป็นเกราะป้องกัน ก็จะเปิดทางให้ทั้งแสงแดด & รังสียูวีรุมเร้าเข้ามาทำร้ายผิวให้อ่อนแอลง และทำให้ปัญหาผิวมันรุนแรงขึ้นกว่าเดิม ปัญหาสิวเลยควรเลือกครีมกันแดดสูตรไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน ( Noncomedogenic ) มาใช้ และอย่าลืมเช็กค่าป้องกันแสงแดดให้มี SPF 30 ขึ้นไป จะได้เอาไว้หยิบมาใช้ทาปกป้องผิวหน้าในทุกๆ วัน

อยากให้สิวหายเร็วๆ ต้องใช้ยารักษาสิวแรงๆ

สำหรับคนที่เคยซื้อผลิตภัณฑ์รักษาสิวมาใช้ก่อนหน้านี้แล้ว ต้องคุ้นเคยกับชื่อ ‘ Benzoyl Peroxide ’ แน่นอนเลยล่ะ เจ้า Benzoyl Peroxide เป็นส่วนผสมที่พบได้บ่อยในผลิตภัณฑ์รักษาสิวอย่างพวกเจลแต้มสิว เพราะมีสรรพคุณต้านเชื้อแบคทีเรีย ลดการอักเสบ และรักษาสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีระดับความเข้มข้นมาให้เลือกใช้กันตั้งแต่ 2.5 – 10% เลยทีเดียว แต่เราขอเตือนไว้ก่อนเลยนะว่าการใช้ Benzoyl Peroxide ที่มีความเข้มข้นสูงเกินไป อาจกลายเป็นทำร้ายให้ผิวเสียได้ง่ายๆ มากกว่าที่จะใช้ผลลัพธ์ที่ดีในการรักษาสิวอีกนะ เพราะผลข้างเคียงจากการใช้ Benzoyl Peroxide อาจทำให้ผิวแห้งขึ้นกว่าเดิม และก่อให้เกิดการระคายเคืองสำหรับคนผิวแพ้ง่ายได้ด้วยเหมือนกัน รู้แบบนี้แล้วก่อนซื้อผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่มีส่วนผสมของ Benzoyl Peroxide มาใช้ก็ควรปรึกษาคุณหมอผู้เชี่ยวชาญก่อน หรือเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นน้อยๆ ก่อนจะเซฟกว่านะ

รักษาสิว เฉพาะตอนที่สิวขึ้น

สิวซึ่งเป็นปัญหาผิวที่มักจะโผล่มาให้ได้เจอเรื่อยๆ เกือบทุกเดือน แทนที่เธอจะหาซื้อผลิตภัณฑ์รักษาสิวมาใช้เฉพาะตอนที่สิวเห่อ ก็ควรใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าสูตรอ่อนโยนที่มีส่วนผสมของ ‘ กรดซาลิไซลิก ’ บำรุงผิวเป็นประจำในทุกๆ วัน เพื่อช่วยลดโอกาสที่จะเกิดสิวเห่อครั้งใหม่ เพราะกรดซาลิไซลิกมีคุณสมบัติช่วยต้านการอักเสบและลดการระคายเคืองต่อผิวได้

พอสิวหายช้าไม่ทันใจ ก็รีบหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนั้น

บางครั้งผลิตภัณฑ์รักษาสิวบางตัวก็มักจะมาพร้อมกับคำเคลมที่เกินจริงไปสักนิด เช่น  ใช้แล้วสิวยุบทันที สิวหายชั่วข้ามคืน ผิวใสขึ้นภายใน 3 วัน เพราะฉะนั้นก่อนสาวๆ จะซื้อสกินแคร์ตัวไหนมาใช้ก็ควรศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ตัวนั้นให้ดีๆ ที่สำคัญก็อย่าได้คาดหวังว่าไอเทม รักษาสิว ตัวที่ซื้อมา พอใช้แล้วจะช่วยให้สิวหายวับไปแบบปุ๊บปั๊บรวดเร็วทันใจในชั่วข้ามคืนเด็ดขาด เพราะปัญหาผิวแต่ละอย่างมันต้องใช้เวลารักษาและฟื้นฟูดูแล
ทำความสะอาดหน้า ไม่ให้เกิดสิว

เช็ดเครื่องสำอางรอบดวงตา

รอบดวงตาเป็นจุดที่บอบบาง จึงควรเช็ดเครื่องสำอางออกอย่างเบามือที่สุด ก่อนอื่นเราต้องเท Eye Remover ลงบนสำลีแล้วแปะสำลีค้างไว้บนเปลือกตาสัก 20 วินาที แล้วปาดสำลีลงด้านล่างเบา ๆ จนกว่าจะสะอาดเป็นอันเสร็จขั้นตอนที่ 1

ใช้ผลิตภัณฑ์สำลีแบบแผ่นเท่านั้น ในการเช็ดทำความสะอาดหน้า

การเช็ดล้างเครื่องสำอางออกจากใบหน้านั้น แนะนำให้ใช้สำลีแบบแผ่นมากกว่าสำลีแบบก้อน เพราะสามารถทำความสะอาดได้อย่างหมดจดจริง และไม่ทิ้งใยสำลีไว้บนใบหน้าอีกด้วย โดยนำสำลีแผ่นมาเช็ดเบาๆ ให้ทั่วใบหน้าก่อน 1 ครั้ง

ล้างด้วยเมคอัพรีมูฟเวอร์

หลังจากเช็ดหน้าด้วยสำลีตามขั้นตอนที่ 2 ให้ใช้เมคอัพรีมูฟเวอร์อีกครั้ง เพราะจะช่วยขจัดคราบเครื่องสำอางได้อย่างหมดจด และยังมีส่วนช่วยในการบำรุงผิวไปในตัวอีกด้วย และต้องเลือกเมคอัพรีมูฟเวอร์ให้ถูกกับสภาพผิวเรา เพื่อไม่ให้เกิดการแพ้

เช็ดหน้าอย่างเบามือ

การที่เราเช็ดหน้าอย่างเบามือจะช่วนทะนุถนอมผิวหน้าเราให้เนียนนุ่ม  เพราะผิวหน้าคือจุดอ่อนโยน การที่เราเช็ดหน้าเกินไปอาจเกิดการระคายเคืองและทำให้มีรูขุมขนที่กว้าง ทำให้ผิวเกิดปัญหาหน้ามัน เหี่ยวย่นได้

ล้างหน้าเป็นประจำทุกคืน

โดยตอนกลางคืนควรล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าที่แล้วแต่สภาพผิวของแต่ละคนเพื่อเป็นขั้นตอนในการทำความสะอาดหลังจาดเช็ดหน้าด้วยเมคอัพรีมูฟเวอร์ ก็เพราะผิวหน้าของเราต้องสัมผัสกับสิ่งสกปรกมาตลอดทั้งวัน ก่อนนอนจึงช่วยลดการหมักหมมที่จะทำให้เกิดสิวหรือปัญหาผิวอื่นๆ
เรื่องของผิว

ผิวธรรมดา

✧ ผิวธรรมดา ( Normal Skin ) หรือที่หลายๆ คนเข้าใจคือผิวสุขภาพดี ที่น้อยคนมากจะเป็นผิวประเภทนี้เพราะเป็นผิวที่มีความสมดุล ในบริเวณ T-zone อาจมีความมันบ้าง แต่โดยรวมผิวจะมันและมีความชุ่มชื้นที่สมดุลกัน ไม่แห้งตึงจนเกินไป
  • ลักษณะของผิวธรรมดา
    • ผิวมีความนุ่มเรียบ มีรูขุมขนขนาดเล็กและผิวไม่หมองคล่ำและไม่ค่อยมีปัญหาสิว
  • วิธีบำรุงผิว
    • ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของการให้ความชุ่มชื้นเป็นประจำ ทำความสะอาดด้วยโฟมที่มีค่า pH 5.5 และทาครีมกันแดดอย่างเป็นประจำ
    • ผิวประเภทนี้เหมาะกับการใช้สกินแคร์เนื้อมอยส์เจอร์ไรเซอร์ ไม่ควรใช้เนื้อครีมที่เข้มข้นหรือบางเบาเกินไป ควรดูแลผิวตามสภาพอากาศเพื่อไม่ให้ผิวเปลี่ยนแปลง และควรเลือกสกินแคร์ตามสภาพอากาศด้วย เช่น หน้าร้อนเน้นการบำรุงที่สบายผิว ใช้เนื้อน้ำและเจล ส่วนหน้าหนาวให้เน้นความชุ่มชื้น ใช้เนื้อครีมและน้ำมัน

ผิวแห้ง

✧ ผิวแห้ง ( Dry Skin ) เป็นผิวที่เกิดความมันน้อยกว่าผิวธรรมดา เกิดจากการขาดกรดไขมันที่จำเป็นในการรักษาความชุ่มชื้น
  • ลักษณะของผิวแห้ง
    • ความรู้สึกหยาบกร้านและแลดูหมองคล้ำ สามารถเกิดริ้วรอยได้ง่าย ทำให้เกิดแนวโน้มแพ้ง่ายซึ่งเกิดผื่นแดงและรอยแดงที่ผิว ถ้าเจอสภาพอากาศแห้งผิวจะมีอาการตึงหรือผิวแตก อาจมีการอักเสบหรือคันได้ ทำให้ผิวขาดน้ำ มีความยืดหยุ่นน้อย และผิวลอกเป็นขุยง่าย
  • วิธีบำรุงผิว
    • ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์เข้มข้น เพื่อช่วยในการรักษาสมดุลของน้ำหล่อเลี้ยงผิว และทำความสะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีค่า pH 5.5
    • เนื้อสกินแคร์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว ได้แก่ มอยส์เจอไรเซอร์ และเซรั่มออยล์

ผิวมัน

✧ ผิวมัน ( Oily Skin ) เป็นผิวที่ผลิตน้ำมันมากเกินไป ทำให้มีรูขุมขนกว้าง และมักเกิดสิวได้ง่ายกว่าผิวประเภทอื่นๆ ซึ่งผิวประเภทนี้จะพบมากในฝั่งสาวเอเชียอย่างเราๆ อีกด้วย
  • ลักษณะของผิวมัน
    • ความมันส่วนเกินบนใบหน้าได้ง่าย หลังล้างหน้า 1-2 ชั่วโมง จะรู้สึกหน้าเริ่มมัน เป็นหนักในบริเวณ T-zone และจะมันมากในสภาพอากาศร้อน ทำให้ผิวหน้าแลดูหมองคล่ำและแต่งหน้าไม่ต่อยติด
  • วิธีบำรุงผิว
    • ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน ช่วยลดการผลิตน้ำมันได้ ควรเลือกเป็นแบบเนื้อบางเบา เช่น เซรั่ม เพื่อให้ซึมซาบได้ไว ควรทำความสะอาดหน้าอย่างน้อยวันละ 2-3 ครั้ง เพื่อขจัดความมันส่วนเกินและป้องกันการสะสมของแบคทีเรียต้นตอของการเกิดสิว
    • ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยปกป้องและปลอบประโลมผิว ซึ่งเหมาะกับคนผิวมันเป็นสิวง่าย เพื่อลดปัญหาสิวและบำรุงผิวเพื่อเติมความชุ่มชื้น
    • เนื้อสกินแคร์ที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ เนื้อครีม และน้ำมัน เพราะทำให้เกิดการอุดตันได้ง่าย
ผิวผสม
✧ ผิวผสม ( Combination skin ) เป็นผิวที่ทั้งแห้งและมันผสมกัน เกิดจากการผลิตน้ำมันที่มากเกินไป แต่บริเวณที่ผิวแห้งเกิดจากการขาดน้ำมันและผิวเสียสมดุล
  • ลักษณะของผิวผสม
    • ผิวที่มันมากบริเวณหน้าผาก จมูก หรือ T-zone จึงทำให้มีโอกาสของการเกิดสิวได้ และส่วนบริเวณรอบดวงตา ข้างแก้ม จะแห้งหรือลอกเป็นขุยได้และรูขุมขนจะขยายใหญ่ขึ้นในบริเวณที่มีสิ่งสกปรกอุดตัน
  • วิธีบำรุงผิว
    • ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน เพราะถ้าใช้ผลิตภัณฑ์ท่ีมีส่วนผสมรุนแรงจะทำให้บริเวณผิวที่มัน มีการสร้างความมันเพิ่มขึ้นและในบริเวณที่แห้งอาจเกิดความหยาบกร้านขึ้นได้เช่นกัน
    • เนื้อสกินแคร์ที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ในบริเวณที่ผิวแห้ง และเนื้อครีมที่มันมากในบริเวณผิวที่มัน

ผิวบอบบาง

✧ ผิวบอบบาง ( Sensitive Skin ) ส่วนใหญ่พบได้มากในผู้ที่มีผิวแห้ง ซึ่งชั้นผิวสามารถมองเห็นเส้นเลือดได้ชัดเจน ผิวประเภทนี้จำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษเพราะสามารถแพ้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆ ได้ง่าย
  • ลักษณะของผิวบอบบาง
    • การระคายเคืองผิวเมื่อเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ มีผื่นขึ้น หรือเกิดรอยแดงบนผิวหน้า อาจเกิดปัญหาผิวหลายอย่างร่วมด้วย เช่น ปัญหาสิว ปัญหาผิวหมองคล้ำ ฝ่า กระ จุดด่างดำ และอาจเกิดอาการคันเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของน้ำหอม แอลกอฮอล์ พาราเบน และสารกันเสีย
  • วิธีบำรุงผิว
    • ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ อ่อนโยน ไม่ระคายเคืองต่อผิว หรือเลือกผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบของแพทย์ผิวหนังโดยเฉพาะ
    • เนื้อสกินแคร์ที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม แอลกอฮอล์ พาราเบน และสารกันเสีย
ดังนั้นเมื่อทุกคนรู้ประเภทของผิวตัวเองแล้ว ก็อย่าลืมเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะกับตัวเองเพื่อปกป้องผิวได้อย่างสมบูรณ์
เพราะเมื่อเข้าสู่หน้าฝน ความชื้นในอาการจะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งความชื้นนี่แหละค่ะเป็นที่ชื่นชอบของแบคทีเรีย ทำให้แบคทีเรียเติบโตได้ดีเป็นพิเศษ และแน่นอนว่าสาวๆเองก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงความชื่นได้ ในบางครั้งใบหน้าก็ต้องสัมผัสความชื่น เหงื่อ ฝุ่นละออง จึงเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาสิวตามมานั่นเอง สิวฮอร์โมน ปะทุทุกเดือน ดังนั้นเมื่อเข้าสู่หน้าฝนการรักษาความสะอาดก็เป็นสิ่งสำคัญ แม้จะไม่ได้เหงื่อออกก็ตาม

เจลแต้มสิว กันดะ มีวางจำหน่ายแล้วทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลและเลือกซื้อสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/pg/kandabeauty.company/
website : Kandabeauty.com