แนะนำประเภทสกินแคร์ สำหรับมือใหม่ที่กำลังหัวหมุน

แนะนำประเภทสกินแคร์ สำหรับมือใหม่ที่กำลังหัวหมุน

มือใหม่หัดใช้สกินแคร์ และใช่ แนะนำประเภทสกินแคร์ต่าง ๆ ว่ามีแบบไหนบ้างนะ ก็เจ้าสกินแคร์ดันมีหลากประเภทเยอะแยะไปหมดไหนจะเซรั่ม มอยส์เจอไรเซอร์ โทนเนอร์ บลา ๆ ใครที่เซียนอยู่แล้วก็จับประโคมเข้าสู่ผิวหน้ารอความสวย แนะนำประเภทสกินแคร์ สำหรับมือใหม่ที่กำลังหัวหมุน แต่สำหรับมือใหม่แล้วล่ะก็มีหัวหมุนกันแน่นอน อย่ารอช้า รีบพุ่งตรงไปดูกันเล้ย Go Go !

ประเภทของสกินแคร์ต่าง ๆ โดยแบ่งตามเนื้อของผลิตภัณฑ์และลำดับการใช้

🌼 เมคอัพรีมูฟเวอร์ ( Makeup Remover )

🌼 คลีนเซอร์ ( Cleanser )

🌼 โทนเนอร์ ( Toner )

🌼 เอสเซนส์ ( Essence )

🌼 เซรั่ม ( Serum )

🌼 อีมัลชั่น ( Emulsion )

🌼 โลชั่น ( Lotion )

🌼 ครีม ( Cream )

🌼 ผลิตภัณฑ์กันแดด ( Sunscreen )

เมคอัพรีมูฟเวอร์ ( Makeup Remover )
  • คลีนซิ่ง ( Cleansing )

เพื่อน ๆ มักจะคุ้นชิน เจ้าสิ่งนี้ก็คือ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับล้างเครื่องสำอาง มีความเป็นของเหลว จำพวก ออยล์ เจล น้ำ เป็นต้น

    • วิธีใช้

มีทั้งแบบที่เราใช้หยดลงบนสำลี แล้วเช็ดทำความสะอาดผิวหน้าจนกว่าจะรู้สึกว่าผิวของเราสะอาด หรืออีกแบบหนึ่ง คือ การที่นำคลีนซิ่งมานวดลงบนผิวหน้าแล้วค่อยใช้สำลีเช็ดออก ซึ่งผลิตภัณฑ์นี้เหมาะสำหรับผู้ที่แต่งหน้าแล้วลงรองพื้น ( Foundation ) บีบี ( BB Cream ) ไพรเมอร์ ( Primer ) รวมไปถึงครีมกันแดด เพราะเมคอัพรีมูฟเวอร์จะช่วยเช็ดเครื่องสำอางเหล่านี้ออกจนหมด ไม่ให้เกิดการอุดตันและมีสิ่งสกปรกบนใบหน้า

คลีนเซอร์ ( Cleanser )

ผลิตภัณฑ์ที่เราจะใช้ทำความสะอาดผิวหน้า หลังจากที่ล้างเครื่องสำอางออกแล้วนั่นเอง เจ้าคลีนเซอร์จะช่วยทำความสะอาดสิ่งสกปรก ที่ยังตกค้างในรูขุมขนออกอย่างหมดจด ทำให้ใบหน้าของเราไม่เป็นสิวง่าย สำหรับการใช้คลีนเซอร์ ก็คือ ควรใช้เป็นประจำทุกเช้าหลังตื่นนอน ไม่ใช่แค่เฉพาะหลังล้างเครื่องสำอางเท่านั้นนะ เพราะถึงไม่แต่งหน้าก็ยังมีสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่จะเป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้

โทนเนอร์ ( Toner )

การใช้โทนเนอร์ จะใช้หลังจากทำความสะอาดใบหน้าด้วยคลีนซิ่ง และคลีนเซอร์เรียบร้อยแล้ว โดยน้องจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกที่ตกค้างเป็นขั้นตอนสุดท้าย และเป็นการเตรียมพร้อมผิวของเราให้พร้อมสำหรับการบำรุงด้วยสกินแคร์ในขั้นตอนต่อไป โทนเนอร์จะมีลักษณะเป็นโลชั่นเนื้อบาง และมักมีวิตามินและเกลือแร่บำรุงผิวอยู่ในตัว

เอสเซนส์ ( Essence )

เอสเซนส์ หรือมักจะรู้จักกันดีในนาม ‘ น้ำตบ ’ ซึ่งน้องคือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าในขั้นตอนแรกนั่นเอง จะมีลักษณะเป็นน้ำเหลวใส เบาบาง ซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว เหมาะกับทุกสภาพผิว วิธีใช้ก็สไตล์ตบ ๆ สมชื่อเจ้าน้องน้ำตบเลย เพียงแค่เพื่อน ๆ ทำการเทน้องลงบนฝ่ามือแล้วตบเบาๆ บริเวณแก้ม หน้าผาก คาง เพื่อให้ซึมซาบเข้าสู่ผิว

เซรั่ม ( Serum )

เซรั่ม คือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เนื้อเข้มข้นกว่าเอสเซนส์ จึงทำให้เห็นผลได้ไวกว่า เซรั่มโดยส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของน้ำมัน จึงไม่ค่อยเหมาะกับคนที่มีผิวมัน แต่ก็มีเซรั่มบางชนิดที่ผลิตมาให้เหมาะกับสภาพผิวแต่ละชนิด โดยเซรั่มสามารถแก้ปัญหาผิวได้อย่างเจาะจง เช่น แก้ปัญหาสิว ริ้วรอย จุดหมองคล้ำ ดังนั้น ควรที่จะเลือกเซรั่มที่เหมาะกับสภาพผิวหน้า และปัญหาผิวหน้าของตนเองนั่นเอง

อีมัลชั่น ( Emulsion )

อีมัลชั่นก็คือ มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีเนื้อบางเบา จะมีส่วนผสมของโลชั่น และครีมแต่ออกไปทางความเป็นโลชั่นมากกว่า โดยน้องจะเหมาะกับทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะผิวแห้งหรือผิวมันก็สามารถใช้ได้เช่นเดียวกัน เพราะอีมัลชั่น จะช่วยคงความชุ่มชื้นให้กับผิว ไม่ทำให้ผิวแห้ง เป็นการฟื้นบำรุงสภาพผิวหน้าของเราอีกระดับนั่นเอง ถือว่าเป็นการเสริมเกราะการดูแลผิวของเราให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น

โลชั่น ( Lotion )

โลชั่นไม่ใช่เพียงแต่เป็นสกินแคร์สำหรับบำรุงผิวกายเท่านั้นนะ รู้ยัง? แต่ยังมีโลชั่นแบบบำรุงผิวหน้าด้วยนะ ซึ่งน้องเค้าก็จะมีเนื้อที่เข้มข้นกว่าอีมัลชั่นเพราะมีน้ำมันมากกว่านั่นเอง แต่ก็จะเหลวกว่าเนื้อครีมด้วย การทาโลชั่นนั้น เป็นการช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวของเรา และช่วยเคลือบผิวชั้นนอก เพื่อลดการสูญเสียน้ำ เหมาะทั้งผิวธรรมดาและผิวผสม

ครีม ( Cream )

ครีมที่ใคร ๆ ต่างก็รู้จักและมักเหมารวมเรียกสกินแคร์ต่าง ๆ เป็นครีมไปหมด โดยน้องเป็นสกินแคร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และเนื่องจากการที่มีส่วนผสมของน้ำมันเยอะที่สุด ตัวครีมจึงมีเนื้อที่มีความเข้มข้นมากที่สุดเช่นกัน และด้วยความเข้มข้นที่สุดนี่เองก็ใช้เวลาในการซึมซาบสู่ผิวนานมากกว่าสกินแคร์ประเภทอื่น ๆ ดังนั้นครีมจึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้งมาก ๆ เพราะจะช่วยคงความชุ่มชื้นในชั้นผิวได้อย่างยาวนาน

ผลิตภัณฑ์กันแดด ( Sunscreen )

ผลิตภัณฑ์ กันแดด เป็นสกินแคร์ที่ทุกคนจะใช้ เป็นขั้นตอนสุดท้ายเพื่อปกป้องผิวจากรังสียูวี ( Ultraviolet Radiation: UV ) เนื่องจากรังสียูวีจะทำลายคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวของเราดูแก่ก่อนวัยอันควร และยังทำให้ผิวหมองคล้ำขึ้น ทั้งยังก่อให้เกิดจุดด่างดำ และฝ้ากระตามมา ร้ายแรงสุดก็อาจก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนัง !! อื้อหือ น่ากลัวมากกก ดังนั้น ควรใช้มาก ๆ เลยนะถ้าไม่อยากผิวเสีย บำรุงด้วยสกินแคร์ที่ดีเยี่ยมแค่ไหนก็ไม่สู้ใช้แค่กันแดดนะ อีกทั้งเจ้ากันแดดก็ยังมีให้เพื่อน ๆ ได้เลือกสรรอีกหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะทั้งแบบครีม โลชั่น เจล ขี้ผึ้ง และสเปรย์นั่นเอง

  • Chemical Sunscreen

สารกันแดดชนิดที่เป็นสารเคมี โดยตัวมันเองเป็นสารมีที่มีคุณสมบัติ ที่สามารถช่วยดูดซับพลังงานที่ถูกปล่อยออกมาจากดวงอาทิตย์ ได้เป็นอย่างดี โดยจะช่วยดูดซับก่อนที่แสงแดดจะเข้าไปทำร้ายผิวหนัง โดยสารในกลุ่มนี้มักจะมีหลากหลายชนิด และประสิทธิภาพของมันจะลดลงทุกครั้งที่มันสัมผัสกับแสงแดด แม้คุณภาพในการปกป้องผิวจากแสงแดดจะมีประสิทธิภาพมาก แต่ก็มีข้อเสียที่ลายคนอาจจะไม่ถูกใจมาก ก็คือ ทำให้เกิดการแพ้ได้ง่าย และยังก่อให้เกิดสิวได้ค่อนข้างง่าย แต่ก็อาจจะส่งผล ตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล หลายคนใช้ก็ไม่เกิดอาการแพ้แต่อย่างใด และอาจจะเกิดการเหนียวเหนอะได้ง่ายหากใช้ในปริมาณที่เยอะเกินไป

  • Physical Sunscreen

คุณสมบัติอาจจะแตกต่างจากกลุ่มแรก เพราะมันไม่ได้ทำหน้าที่ดูดซับ แต่ในทางตรงกันข้าม มันช่วยในการสะท้อนแสงแดดออกจากผิวหนัง เนื่องจากความพิเศษของคุณสมบัติพิเศษของตัวมันเอง ทำให้มันซึมเข้าสู่ผิวได้ไม่ดีนัก ทำให้เกิดการแพ้ได้น้อยมาก แต่ข้อเสียที่หลายคนไม่ถูกอกถูกใจเลย ก็คือด้วยคุณสมบัติเนื้อของมันทำใก้เวลาทา อาจจะมีการขาวแบบวอกได้นั้นเอง

    • ประเภทของครีมกันแดด แบ่งตามเนื้อ

ประเภทที่ถูกแยกจากกันด้วยรูปแบบของ ครีมกันแดดที่ดีที่สุด เนื้อผลิตภัณฑ์ และวิธีการใช้งทายเรียกได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับผิวที่มีให้เลือกมากที่สุดแบบหนึ่งเลยทีเดียว โดยแต่ละแบบก็จะมีความยากง่ายในการใช้ผลิตภัณฑ์แตกต่างกันออกไป รวมไปถึงราคาค่าตัวของแต่ละแบบ ก็จะมีความแตกต่างกันออกไปอีก ดังนั้นใครที่ไม่รู้จะเลือกใช้แบบไหน อย่ารีบไปซื้อ

มักจะเหมาะกับคนที่มีผิวแบบแห้ง เพราะมักจะผสมสารบำรุงเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวเป็นพิเศษ แต่ส่วนมากมักจะไม่ใช่ในวันที่มีการแต่งหน้า เพราะสีจะเป็นสีขาว อาจจะทำให้ “หน้าวอก” ก็เป็นได้ เหมาะแก่การใช้ในชีวิตประจำวัน

      • ครีมกันแดดแบบเจล

เนื้อเจล เป็นที่นิยมในหมู่คนที่ไม่ชื่นชอบความ เหนียวเหนอะหนะ เพราะ ครีมกันแดด แบบเจลมักจะมีการซึมซาบสู่ผิวได้รวดเร็วเป็นพิเศษ มีส่วนช่วยให้เครื่องสำอางติดทนนานมากขึ้นอีกด้วย โดยเนื้อแบบเจล มักจะเหมาะกับผู้ใช้ที่มีลักษณะผิวแบบมัน เพราะส่วนมากจะไม่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวเพิ่มขึ้นอีก

      • กันแดดผสมรองพื้น

สำหรับกันแดด แบบที่มีส่วนผสมของรองพื้น มักจะนิยมใช้กันในกลุ่มที่ต้องมีการแต่งหน้าทาผิวอยู่ตลอด เพราะด้วยลักษณะเนื้อที่มีสีรองพื้น เพราะมีส่วนผสมของรองพื้น จะไม่ทำให้หน้าวอกเมื่อมีการแต่งหน้านั้นเอง

      • ครีมกันแดดแบบสเปรย์

เป็นที่นิยมมากสำหรับสาวๆนักกิจกรรม ที่มักจะไปทะเลบ่อยๆ หรือมีกิจกรรมกลางแจ้ง ไม่ว่าจะเป็นกีฬา เดินช้อปปิ้งเป็นประจำ พูดง่ายๆก็คือเป็นผู้ที่ต้องเจอกับแดดเป็นเวลานานๆ ครีมกันแดดแบบสเปรย์ เป็นตัวเลือกที่ดีมาก นอกจากพกพาสะดวกสบายแล้ว ยังใช้งานได้สะดวกสบาย เพียงแค่ฉีดพ่นให้ทั่วบริเวณที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย

      • ครีมกันแดด Stick

ครีมกันแดดที่สามารถพกพาได้ง่ายที่สุด เนื่องจากมีขนาดผลิตภัณฑ์ที่เล็ก ไม่ใหญ่ สามารถพกพาใส่กระเป๋าถือสาวๆได้อย่างง่ายดาย และยังเหมาะสมกับการใช้ระหว่างวันมากที่สุด

    • ข้อแตกต่างระหว่างครีมกันแดดแบบ Chemical หรือ Physical Sunscreenอย่างที่อธิบายคุณสมบัติของสารกันแดดทั้งสองชนิดที่เป็นชนิดหลักของครีมกันแดด และยังมีอีกหลายข้อที่แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างกันอย่างชัดเจนของสารทั้งสองชนิด ไม่ว่าจะเป็น Chemical sunscreen มีเนื้อที่เป็นน้ำ เนื้อจึงมีความเบาบางมากกว่า และยังช่วยในการเกลี่ยให้ง่ายกว่า ที่สำคัญด้วยลักษณะจึงไม่ทำให้กน้าขาววอกจนเกินเหตุ และด้วยคุณสมบัติพิเศษนี้เองทำให้ตัวมันเองสามารถผสมสารบำรุงอื่นๆเข้าไปได้ง่าย ทำให้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้มีสารบำรุงอื่นๆควบคู่ไปด้วย และที่สำคัญ มีราคาที่ถูกกว่าแบบ Physical แตก็มีข้อเสียหลักๆที่ไม่สามารถมองข้ามได้เช่นเดียวกัน ด้วยความที่การดูดซับแสงแดดของแต่ละผลิตภัณฑ์จะสามารถกันแสงแดดได้เฉพาะช่วงคลื่นหนึ่ง และยังต้องรอประมาณ 20-30 นาที หลังจากทาลงไป ถึงจะสามารถออกแดดได้ ที่สำคัญต้องทาซ้ำบ่อยๆ ไม่เหมาะสมกับคนที่มีลักษณะผิวมัน เพราะสามารถอุดตันได้ค่อนข้างจะง่าย มีโอกาสในการเกิดการแพ้ได้ง่าย ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ในขณะที่ ครีมกันแดด แบบ Physical sunscreen จะมีขีดความสามารถในการปกป้องผิวของเราจากแสงแดดได้ทั้ง UVA และ Infrared ที่สำคัญยังมีโอกาสในการแพ้น้อยกว่า ทาเสร็จแล้วยังสามารถที่จะออกแดดได้ทันที และที่สำคัญหากเราไม่ได้โดนเหงื่อ หรือโดนน้ำ ก็แทบที่จะไม่มีความจำเป็นในการทาซ้ำเลยทีเดียว ยังเหมาะกับผู้ใช้ที่มีลักษณะผิวแบบมัน เพราะอุดตันได้ยากกว่านั้นเอง ฟังข้อดีไปเยอะแล้ว มาถึงข้อเสียหลักๆของ ครีม กันแดด ที่ ดี ที่สุด แบบ Physical sunscreen กันต่อเลย เนื่องจาก็ลักษณะ และคุณสมบัติของเนื้อ อาจจะทำให้เวลาทาเกิดการขาววอกได้ ค่อนข้างอ่อนไหวต่อน้ำ และเหงื่อเป็นอย่างมาก จะมีโอกาสหลุด และต้องทาซ้พตลอดทั้งวัน หากสัมผัสน้ำ หรือเหงื่อ

เป็นยังไงกันบ้าง มือใหม่หัดใช้สกินแคร์ ของเรา จะเข้าใจถึงรูปแบบสกินแคร์ต่าง ๆ ไม่มากก็น้อย และรู้ว่าแต่ละแบบแตกต่างกันยังไง สิ่งไหนใช้ก่อนหลัง ค่อย ๆ ศึกษากันไปไม่ต้องรีบร้อน รู้จักคอนซีลเลอร์ การใช้งาน ความสวยใกล้แค่เอื้อมเพียงแค่เราเริ่มที่จะลงมือ !


ครีมกันแดด กันดะ มีวางจำหน่ายแล้วทั่วประเทศ สอบถามข้อมูล และ เลือกซื้อสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/pg/kandabeauty.company/
website : Kandabeauty.com