กรดผลัดเซลล์ผิว หน้าไบร์ท เลือกใช้ให้เหมาะสม

กรดผลัดเซลล์ผิว หน้าไบร์ท เลือกใช้ให้เหมาะสม

หากช่วงไหนที่รู้สึกว่า ใบหน้าของเราหมองคล้ำ ไม่สดใส ดูไม่ออร่า แนะนำให้เลือกผลิตภัณฑ์ตัวบำรุงที่มีส่วนช่วยในเรื่อง ผลัดเซลล์ผิว หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ กรดผลัดเซลล์ผิว หน้าไบร์ท เคยสงสัยมั้ยว่า กรดผลัดเซลล์ผิวที่อยู่ในส่วนผสมในครีมบำรุง ผลิตภัณฑ์ต่างๆที่เราใช้ มันช่วยบำรุงในเรื่องไหน มีส่วนประกอบหรือส่วนผสมอย่างไร ว่าคืออะไร? ต่างกันยังไง? แล้วตัวไหนใช้แล้วขาวกันแน่? ผิวแบบเราควรเลือกใช้ตัวไหนถึงจะเหมาะ

วิธีการผลัดเซลล์ผิว( Skin Exfoliation)
  • แบบทางกายภาพ (Physical)
  • แบบเคมี (Chemical)
    ซึ่งทั้งสองวิธีนี้ก็มีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกันไป วิธีแบบกายภาพเป็นการทำงานโดยใช้แรงทางกายภาพในการขัดถู ผลิตภัณฑ์โดยมักมีส่วนผสมของ Abrasive agent หรือเม็ดสครับในการขัดถูเซลล์ผิว
AHA BHA PHA LHA
  • 🍋AHA(Alpha Hydroxy Acid) คือ กรดผลไม้อ่อนๆ ได้มาจาก ผลไม้ตระกูล ส้ม มะนาว อ้อย ที่แสบๆเปรี้ยวๆ นิยมใช้มากในแบรนด์เครืองสำอางค่ะ ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว ลดริ้วรอย ผิวกระจ่างใสขึ้น กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่แข็งแรงขึ้น แต่มีข้อควรระวังคือ ใช้ไปนานๆผิวเราจะบางค่ะ และทำให้คล้ำแดดได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม หรือไวต่อแสงมากขึ้น ดังนั้นต้องใช้กันแดดนะคะ ขาดไม่ได้เชียว
  • 👶🏻BHA (Beta Hydroxy Acid) คือ จริงๆมันก็คล้ายๆ AHA ในแง่ของการรักษาสีผิวให้สม่ำเสมอค่ะ แต่ที่พิเศษคือ BHA จะช่วยรักษาคนที่เป็นสิวอักเสบ ลดการอุดตันของสิว เหมาะสำหรับคนที่เป็นสิว มีค่อนข้างมัน มีรอยดำ รอยแดง ไม่ทำให้ผิวระคายเคืองเหมือน AHA แต่เราก็ต้องทากันแดดอยู่ดี
  • 🌞PHA (Poly Hydroxy Acids) ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ซึ่งจะอ่อนโยนมากกว่า AHA และ BHA ช่วยปรับสีผิวให้กระจ่างใสขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป และอ่อนโยน คือดีย์ เพราะเหมาะกับคนผิวแพ้ง่ายๆแต่อย่างมีผิวที่กระจ่างใส หรือปรับสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอให้เรียบเนียนมากขึ้น
  • 🧈LHA (Beta-Lipohydroxy Acid) ตัวนี้เป็นอนุพันธุ์ของ BHA  ซึ่งมีประสิทธิภาพที่สูง และ อ่อนโยนมากกว่า ช่วยผลัดเซลล์ผิว และดูแลผิวในแง่ของคนที่หน้ามัน และมีรูขุมขนกว้าง ลดการอุดตันของสิว ลดริ้วรอย กระชับรูขุมขน เหมาะสำหรับ คนรูขุมขนกว้าง และเป็นสิวง่ายๆ
 LHA หรือ Beta-Lipohydroxy acid ที่อาจไม่ค่อยคุ้นหูกันมาก จะมีสารประกอบพวก Salicylic acid ที่ช่วย รักษาสิว ป้องกันการเกิดสิว ลดการอุดตัน จึงเหมาะกับผิวที่มีรูขุมขนกว้าง ผิวมัน มีสิวอุดตันและมีริ้วรอย
AHA

AHA ย่อมาจากคำว่า “Alpha Hyroxy Acid” หมายถึงสารประกอบที่มีฤทธิ์เป็นกรด เป็นสารสกัดจากผลไม้ เช่น กรดซิตริกจากมะนาว ส้ม กรดมัลลิกจากแอปเปิ้ล กรดแล๊กติกจากนมเปรี้ยว เป็นต้น AHA จะเป็นสารที่ละลายได้ในน้ำ และเข้าไปทำปฏิกิริยาบริเวณผิวชั้นนอก เหมาะกับผิวแห้งไปจนถึงผิวธรรมดา ส่วนคุณสมบัติหลักๆ ของ AHA ก็คือ ผลัดเซลล์ผิวเก่า ให้เผยผิวที่ขาวกระจ่างใสขึ้น ช่วยปรับสีผิวที่คล้ำ และไม่สม่ำเสมอให้ขาวกระจ่างใสขึ้น และยังช่วยในเรื่องของริ้วรอย

การทำงาน

ตัวของ AHA นี่ทำงานหลายหน้าที่มาก และทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยหน้าที่หลัก ๆ
  • ช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่า (Exfoliate) ทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น
  • เสริมสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว (Glycolic Acid)
  • ความชุ่มชื่นกับผิว
  • ลดเลือนริ้วรอยและจุดด่างดำ
  • AHA ตัวไหนดีกว่ากัน
อันนี้จริง ๆ แล้วขึ้นอยู่กับความต้องการของเราเลย แต่ตัวที่ดีที่สุดก็คงหนีไม่พ้น Glycolic Acid เพราะไม่เหมือนกรดตัวอื่น ๆ ตรงที่อ่อนโยนมากแถมยังช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ชั้นผิวหนาขึ้นและแข็งแรงขึ้นด้วย แต่ถ้าสาว ๆ ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย เราขอให้ยึดตัว Lactic Acid เป็นหลัก เพราะเป็นตัวที่อ่อนโยนที่สุดในบรรดาตระกูล AHA ช่วยขจัดเซลล์ผิวได้อย่างอ่อนโยนโดยไม่ทำให้ผิวระคายเคือง

ผลข้างเคียง

AHA ทุกตัวโดยเฉพาะตัว Glycolic Acid สามารถทำให้ผิวระคายเคืองไปจนถึงผิวลอกได้ นั่นเป็นสาเหตุที่เวลาจะเริ่มใช้ AHA ใหม่ ๆ ต้องเริ่มจากความเข้มข้นที่น้อยก่อน (ความเข้มประมาณ 5%) แล้วค่อย ๆ ไต่ระดับความเข้มข้นขึ้นไป และอีกหนึ่งข้อที่ควรระวังคือถ้าเราใช้ AHA ช่วยขจัดเซลล์ผิวในตอนเช้า จำเป็นมาก ๆ ที่จะต้องทากันแดดหลังจากนั้น เพราะผิวที่เพิ่งผลัดเซลล์ผิวมาใหม่ ๆ จะเซนสิทีฟกับรังสี UV มากขึ้น

ใครควรใช้ AHA

AHA ช่วยเติมน้ำให้ผิวและช่วยในการเสริมสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว
  • สาวผิวแห้ง
  • ผิวที่ถูกแดดทำร้าย (โดยเฉพาะ Glycolic Acid ที่ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น)
  • ผิวแพ้ง่าย (เฉพาะ Lactic Acid ที่เป็นตัวที่อ่อนโยนที่สุดในตระกูล AHA)
BHA

BHA ย่อมาจากคำว่า “Beta Hydroxy Acid” กรด BHA ที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางก็คือ ซาลิไซลิก Salicylic Acid ที่สกัดมาจากเปลือกของต้น Willow ต้นหลิวจีน ซึ่ง BHA มีความแตกต่างจาก AHA ตรงที่ว่ามันเป็นสารที่ละลายในไขมันได้ นั่นหมายความว่า มันสามารถซึมเข้าสู่รูขุมขนไปถึงต่อมไขมัน ทำความสะอาดรูขุมขนได้ล้ำลึก ด้วยเหตุนี้กรด BHA เลยเหมาะกับคนผิวมันและยังใช้ในการรักษาสิวได้อีกด้วย

การทำงาน
BHA จะแอบทำงานคล้าย ๆ กับ AHA อยู่บ้าง แต่ก็จะมีข้อดีต่างกันเล็กน้อยในส่วนที่ AHA ให้ไม่ได้
  • ขจัดเซลล์ผิวเก่า (Exfoliate) ทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น
  • ซึมลงเข้าสู่รูขุมขนได้โดยไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน
  • ช่วยปลอบประโลมผิวจากการระคายเคืองผิว ลดการอักเสบ และอาการแดง
  • ลดเลือนริ้วรอยและจุดด่างดำ

ผลข้างเคียง BHA

ตัว Salicylic Acid นี้ให้ผลข้างเคียงที่น้อยกว่าตัว AHA ในระดับความเข้มข้นต่ำซะอีก ทำให้มั่นใจได้ว่าค่อนข้างที่จะไม่ทำให้ผิวระคายเคือง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีสิทธิเกิดการระคายเคืองเลยนะ คือถ้าใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่องยังไงก็จำเป็นต้องทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันรังสียูวีล่ะค่ะ เพราะผิวที่ถูกทา BHA นาน ๆ นั้นจะเซนสิทีฟกับรังสี UV อยู่ดี

ใครควรใช้ BHA

AHA และ BHA ต่างก็เป็นตัวช่วยในการขจัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายไปแล้ว ต่างกันตรงที่ AHA ละลายในน้ำ ในขณะที่ BHA ละลายในน้ำมัน ทำให้ BHA สามารถแทรกซึมเข้าไปในชั้นผิวได้ดีกว่าโดยที่ไม่ทำให้ผิวอุดตัน
  • สาวผิวมัน
  • คนที่มีรูขุมขนกว้าง
ผลิตภัณฑ์ ที่มีส่วนผสม AHA + BHA 
ส่วนผสมข้างผลิตภัณฑ์ ที่จะต้องไม่มีสารต่อไปนี้
  • Glycolic Acid
  • Lactic Acid
  • Mandelic Acid
  • Malic Acid
  • Citric Acid
  • Tartaric Acid

การผลัดเซลล์ผิวของเรา ก็มักจะทำให้ผิวเราบางลงหากใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ ถ้าอยากขาวใส หรือ รักษาสิว ให้ได้ผลในระยะเวลาอันสั้นก็หยิบมาใช้ได้ ในโลกของความสวยความงาม ยังมีสารสกัดดีๆและอ่อนโยน ที่ช่วยให้ผิวขาว ลดสิว แบบอ่อนโยน ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องหยิบตัวแรงๆมาใช้ตลอด เพียงแค่หยิบมาใช้เป็นครั้งคราวเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในเวลาอันสั้น และอย่าลืมใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ปลอดภัย เพื่อคงสภาพผิวที่ดีให้อยู่กับเราไปนานๆ และใช้ ครีมกันแดด ปริมาณขนาดไหน ถึงจะช่วยป้องกันเเสงแดดได้ ไม่ทำให้ผิวหน้าระคายเคียง กรด AHA BHA และ PHA เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์บำรุงต่างๆ ที่ช่วยในเรื่องของการผลัดเซลล์ผิวที่เสียออกมา เพื่อให้ผิวของเราดูสว่างกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น แต่ก็มีข้อเสีย คือ เสี่ยงต่อการเกิดระคายเคืองผิว ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย ซึ่งถ้าจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมดังกล่าว ต้องพิจารณาให้ดีก่อน หรือทดสอบที่บริเวณใต้ท้องแขน บริเวณคอ หรือบริเวณกราม และดูความผิดปกติว่าเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ หากเกิดอาการแสบผิว หรือมีรอยแดงให้ควรหยุดใช้

สเปรยร์กันแดด กันดะ มีวางจำหน่ายแล้วทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลและเลือกซื้อสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/pg/kandabeauty.company/
website : Kandabeauty.com